HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดบวก ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 353 จุด นักลงทุนย่อยข้อมูลหลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่มีทิศทางต่างกัน ผสมความหวังสงครามรัสเซีย-ยูเครนจบ ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวเพิ่มขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 17มีนาคม 2568 ปิดที่ 41,841.63 จุด เพิ่มขึ้น 353.44 จุด หรือ +0.85% ขณะที่ดัชนี S&P และNasdaq ปรับขึ้นเช่นกันจากการเข้าซื้อที่ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนของนักลงทุน หลังการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่มีทิศทางต่างกัน รวมไปถึงจากความคาดหวังว่าสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนมีแนวโน้มสิ้นสุดลง
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,675.12 จุด เพิ่มขึ้น 36.18 จุด, +0.64%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,808.66 จุด เพิ่มขึ้น 54.58 จุด, +0.31%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียมีกำหนดที่จะเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครน ในวันนี้ (18 มี.ค.)
โอลิเวอร์ เพอร์ช รองประธานอาวุโสของ Wealthspire Advisors ในนิวยอร์กกล่าวว่า มีการเทขายค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงมีการฟื้นตัวในระดับหนึ่ง และโอกาสที่รัสเซียและยูเครนจะบรรลุข้อตกลงหยุดยิงซึ่งอาจนำไปสู่สันติภาพที่ถาวรยิ่งขึ้น ถือเป็นเรื่องดีสำหรับตลาด ไม่เพียงแต่ในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่รวมถึงทั่วโลกด้วย
แรงหนุนส่วนหนึ่งของตลาดมาจากรายงานยอดขายปลีกเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มโล่งใจที่ตัวเลขไม่เลวร้ายลง โดยยอดขายปลีกเพิ่มขึ้น 0.2% แม้ต่ำกว่าการเพิ่มขึ้น 0.6% ที่ Dow Jones คาดการณ์ไว้ แต่หากไม่รวมรถยนต์ ยอดขายปลีกจะเพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งสอดคล้องกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์
เพอร์ช กล่าวว่า ยอดขายปลีกในเดือนกุมภาพันธ์ค่อนข้างอ่อนแอกว่าที่คาดไว้ ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อน้อยลง ซึ่งอาจชดเชยผลกระทบของภาษีได้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจอื่น ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้านเดือนมีนาคมจากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ซึ่ง ลดลง 3 จุดมาที่ 39 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2024 และต่ำกว่า 42 ที่นักวิเคราะห์
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตาได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯไตรมาส 1 ปีนี้ลงเป็นการหดตัวลง 2.1% ซึ่งแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อวันที่ 7 มีนาคมว่าจะหดตัว 1.6%
นักลงทุนกำลังตามให้ทันกับนโยบายภาษีศุลกากรที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของทรัมป์ รวมถึงความพยายามลดต้นทุนเชิงรุกของ DOGE ภายใต้อีลอน มัสก์ ซึ่งทำให้ตลาดตกต่ำและกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมั่นขององค์กรและผู้บริโภค
หุ้น Tesla ลดลง 4.79% หลังจากนักวิเคราะห์ของ Mizuho ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นเทสลาลงมาที่ 430 ดอลลาร์ จาก 515 ดอลลาร์
นอกจากนี้ความคิดเห็นจากฝ่ายบริหารที่ระบุว่า ยอมรับได้ที่เศรษฐกิจและตลาดบางส่วนจะได้รับผลกระทบเพื่อยกเครื่องหน่วยงานของรัฐส่วนใหญ่ ควบคู่ไปกับนโยบายการค้าโลกก็ส่งผลกระทบต่อตลาดเช่นกัน
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวในรายการ “Meet the Press” ทางสถานี NBC เมื่อวันอาทิตย์ว่า “ไม่มีการรับประกัน” ว่าจะหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายของเฟดที่จะเสร็จสิ้นในวันพุธ โดยจากเครื่องมือ FedWatch ของ CMEนั้น บ่งชี้ เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้เฟดจะประกาศการคาดการณ์เศรษฐกิจด้วย ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดว่าผู้กำหนดนโยบายมีมุมมองต่อผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งเคยบดบังแนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งก่อนหน้านี้
ในสัปดาห์นี้ธนาคารกลางประเทศอื่นก็มีกำหนดประชุมนโยบายการเงืนเช่นกัน แต่คาดว่าจะยังคงไม่ดำเนินการใดๆจนกว่าจะสามารถประเมินผลที่ตามมาจากสงครามภาษีหลายด้านของทรัมป์ได้เพิ่มเติม
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก จากกลุ่มทรัพยากรได้รับแรงหนุนหลังจากหลังจากจีนระบุว่ามีแผนที่จะกระตุ้นรายได้ของประชาชน เพื่อกระตุ้นการบริโภค รวมทั้งสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดหุ้นและอสังหาริมทรัพย์
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 2 ส่งผลให้กลุ่มน้ำมันและก๊าซปรับตัวขึ้น 1.5%หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ก็เพิ่มขึ้น 1.4% โดย Novo Nordisk A/S และ Novartis AG มีส่วนหนุนดัชนี Stoxx 600
ตลาดยังขานรับแผนปฏิรูปหนี้ของเยอรมนีหลังจากพรรคการเมืองของเยอรมนีตกลงกันในข้อตกลงประวัติศาสตร์ในการเพิ่มการกู้ยืมเงินจากภาครัฐเมื่อวันศุกร์และแนวโน้มการยุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียมีกำหนดที่จะเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครน ในวันนี้ (18 มี.ค.)
แพททริก อาร์มสตรอง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Plurimi Wealth LLP กล่าวว่า ทั้งมาตรการเศรษฐกิจเชิงรุกของจีนและการปรับเปลี่ยนนโยบายการคลังที่ภายในสหภาพยุโรปได้สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อหุ้นยุโรป
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่จะเสร็จสิ้นในวันพุธ และธนาคารกลางอังกฤษซึ่งคาดว่าทั้งสองธนาคารกลางจะคงอัตราดอกเบี้ย
ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ 550.94 จุด เพิ่มขึ้น 4.34 จุด, +0.79%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,680.29 จุด เพิ่มขึ้น 47.96 จุด, +0.56%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,073.98 จุด เพิ่มขึ้น 45.70 จุด, +0.57%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,154.57 จุด เพิ่มขึ้น 167.75 จุด, +0.73%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 67.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 49 เซนต์ หรือ 0.69% ปิดที่ 71.07 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล