ดาวโจนส์ปิดลบ 64 จุด รอผลประกอบการ Nvidia

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 ดัชนีหลักปิดลบ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 64 จุด แรงขายหุ้นกลุ่มเทคก่อนรานยงานผลประกอบการ Nvidia นักลงทุนรอประเมินสถานการณ์ผู้บริโภค ท่ามกลางความไม่แน่ใจเศรษฐกิจจะชะลอตัวหรือไม่ ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ หลังปรับขึ้นติดต่อกัน 4 วัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ 38,563.80 จุด ลดลง 64.19 จุด หรือ -0.17% จากการปรับตัวลงของกลุ่มเทคโนโลยี ก่อนการรายงานผลประกอบการของ Nvidia ที่นักลงทุนเฝ้ารอเพื่อประเมินสถานการณ์ของผู้บริโภคท่ามกลางความไม่แน่ใจว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว หรือsoft landing หรือไม่

ดัชนี S&P500 ปิดที่ ที่ 4,975.51 จุด ลดลง 30.06 จุด, -0.60%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,630.78 จุด ลดลง 144.87 จุด, -0.92%

ผลประกอบการเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่นักลงทุนให้ความสนใจหลังตลาดกลับมาทำการซื้อขาย จากที่ปิดทำการในวันจันทร์เนื่องในวันประธานาธิบดี โดยรายงานรายไตรมาสจากผู้ค้าปลีกชั้นนำของสหรัฐฯ อย่าง Walmart และ Home Depot ให้ภาพรวมที่ผสมปนเปกัน

หุ้นของ Home Depot บวก 0.061% แม้ส่งสัญญาณว่าอุปสงค์ยังไม่ฟื้นตัวท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงสูง ขณะที่หุ้น Walmart พุ่งขึ้น 3.23% ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เนื่องจากแนวโน้มยอดขายที่ดีขึ้นและการจ่ายเงินปันผลที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ Walmart ยังประกาศว่าจะซื้อ Vizio บริษัทผลิตโทรทัศน์ ในวงเงิน 2.3 พันล้านดอลลาร์ส่งผลให้หุ้นของ Vizio เพิ่มขึ้นประมาณ 16%

หุ้น Nvidia ซึ่งจะรายงานผลประกอบการในวันพุธ ลดลงเกือบ 4.4% แม้คาดว่าบริษัทจะรายงานผลการดำเนินงานที่น่าประทับใจ แต่นักลงทุนกังวลต่อมูลค่าหุ้นที่สูงมาก

หุ้นอเมซอนลดลง 1.4% ขณะที่หุ้นไมโครซอฟต์ และหุ้นเมตาต่างลดลงประมาณ 0.3%

แซม สโตวัล หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ CFRA Research กล่าวว่า กลุ่มเทคโนโลยีปัจจุบันมีการซื้อขายที่เกือบ 30 เท่าของ Forward P/E ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเพดานสำหรับกลุ่มเทคโนโลยี จึงยากที่ราคาซึ่งวัดจาก P/E multiples จะเพิ่มขึ้น สิ่งที่นักลงทุนต้องรอคือผลประกอบการที่จะต้องดีกว่าที่คาดไว้ เพื่อให้Forward P/Eปี 2024 และ 2025 ดีขึ้น

ในปีนี้กลุ่มเทคโนโลยีได้เพิ่มขึ้นแล้ว 6% ทำให้กลุ่มนี้ปรับขึ้นสูงสุดเป็นอันดับสามในตลาด ตามหลังกลุ่มบริการด้านการสื่อสารและการดูแลสุขภาพ หุ้นNvidia ยังปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเพิ่มขึ้น 40% ในปีนี้ ในขณะที่คู่แข่งในกลุ่มMagnificent 7 ก็เพิ่มขึ้น โดยหุ้นเมตาและแอมะซอน เพิ่มขึ้นประมาณ 33% และ 10% ตามลำดับในปี 2024

หุ้นCapital One Financial เพิ่มขึ้น 0.1% หลังประกาศแผนเข้าซื้อกิจการ Discover Financial Services ซึ่งเป็นบริษัทผู้ออกบัตรเครดิตในสหรัฐ ในวงเงิน 35.3 พันล้านดอลลาร์ หุ้นDiscover Financial Services พุ่งขึ้น 12.6%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากที่ปรับขึ้นติดต่อกัน 4 วัน จากการร่วงลงของกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานและหุ้นพลังงาน ขณะที่Air Liquide บริษัทก๊าซอุตสาหกรรมของฝรั่งเศส พุ่งขึ้นสู่ระดับall-time high หลังจากปรับเพิ่มเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2025

กลุ่มทรัพยากรพื้นฐานลดลง 1.8% กลุ่มพลังงานลดลง 1.1%

กลุ่มเทคโนโลยีลดลง 1.7% โดยTemenos บริษัทซอฟต์แวร์ ลดลง 5.6% หลังจากคาดการณ์การเติบโตของกำไรที่ชะลอตัวลงในปี 2024

หุ้น Air Liquide เพิ่มขึ้น 8.3% จากการเพิ่มเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นเป็นสองเท่าในปี 2025 หลังกำไรจากการดำเนินงานของปีดีกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้กลุ่มเคมีภัณฑ์เพิ่มขึ้น 2.5% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์

หุ้น Barclays เพิ่มขึ้น 8.6% หลังจากวางแผน 3 ปีเพื่อฟื้นฟูราคาหุ้น รวมถึงการลดค่าใช้จ่าย 2 พันล้านปอนด์ จ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น 10 พันล้านปอนด์ และลงทุนในธนาคารในสหราชอาณาจักรที่ให้ผลตอบแทนสูง

หุ้น IHG เจ้าของโรงแรม Holiday Inn เพิ่มขึ้น 5.4% หลังจากที่รายงานรายได้จากห้องพักของปีดีกว่าที่คาดเล็กน้อย และจะจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024

ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ 491.90 จุด ลดลง 0.49 จุด, -0.1%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,719.21 จุด ลดลง 9.29 จุด, -0.12%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,795.22 จุด เพิ่มขึ้น 26.67 จุด, +0.34%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 17,068.43 จุด ลดลง 23.83 จุด, -0.14%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคมลดลง 1.01 ดอลลาร์ หรือ 1.28% ปิดที่ 78.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.13 ดอลลาร์ หรือ 1.35% ปิดที่ 82.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล