TFM แกร่งปี 66 ยอดขายทะลุ 5 พันลบ.สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปันผล 74%ของกำไร

HoonSmart.com>>”ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์” (TFM) เปิดผลงานปี 66 กำไร  87 ล้านบาท เจอต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์เพิ่ม ยอดขายโต 3.9% สร้างสถิติสูงสุดครั้งแรกกว่า 5,081.3 ล้านบาท  อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 8.2% ฝีมือบริหารต้นทุนโรงงาน ใช้เทคโนโลยีจัดพอร์ตสินค้าตอบโจทย์ลูกค้า มองแนวโน้มตลาด บอร์ดใจดีขนกำไร 74% จ่ายปันผล 0.13 บาท/หุ้น ส่วนแผนงานปี 67 ออกสินค้าแบรนด์ใหม่ คุณภาพสูงเจาะกลุ่มอาหารปลาน้ำจืดและปลาสวยงาม บุกตลาดอาหารกุ้งในอินโดนีเซีย 

บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ (TFM) ผู้นำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายอาหารสัตว์เศรษฐกิจชั้นนำของประเทศไทย รายงานผลงานประจำปี 2566 มีกำไรสุทธิ 87.37 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.17 บาท ลดลง 22.1% จากปีก่อนที่กำไร 109.54 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.22 บาท

นายพีระศักดิ์ บุญมีโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ กล่าวว่า  ปี 2566 ที่ผ่านมาความท้าทาย คือการที่ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์น้ำและสัตว์บกปรับตัวสูงกว่าปีก่อน โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 แต่เนื่องจาก TFM ได้เริ่มทรานฟอร์เมชั่นระบบปฎิบัติการด้วยเทคโนโลยี เช่น ระบบ SAP เพื่อใช้ในการบริหารทรัพยากรและติดตามผล  ทำให้สามารถบริหารจัดการและควบคุมต้นทุนการผลิตภายในโรงงานให้มีประสิทธิภาพได้ดีขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้บริษัทยังสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 5,081.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 3.9%และมีกำไรขั้นต้น 439.6 ล้านบาท ดีกว่าปีก่อนถึง 8.2%

” กำไรที่ลดลงในปีก่อน เนื่องจากการดำเนินงานขาดทุนในไตรมาสแรก ซึ่งในไตรมาสที่ 2-4  TFM เดินหน้าปรับตัวทั้งระบบจนสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ในปี 2566 บริษัทฯ สามารถจ่ายปันผลได้ที่ 0.13 บาทต่อหุ้น หรือสัดส่วน 74% ของกำไรต่อหุ้น 0.17 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อในทะเบียนวันที่ 4 มี.ค. 2567 และขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 1 มี.ค.นี้”นายพีระศักดิ์กล่าว

ในปี 2566 TFM มียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มาจาก อาหารกุ้ง 52.8% อาหารปลา 36.5% อาหารสัตว์บก 8.7% และอื่น ๆ ราว 1.9% และหากดูสัดส่วนยอดขายตามภูมิภาค แบ่งเป็น บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ (TFM) ในประเทศไทย 92.4 %, บริษัท ไทยยูเนี่ยน คาริสมา เลสทารี   (TUKL) ในประเทศอินโดนีเซีย 6% และ บริษัท เอเอ็มจี ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์  (AMG-TFM) ในประเทศปากีสถาน 1.6% โดยอาหารกุ้งของ TFM มีอัตราการเติบโตที่ดีที่สุด สร้างยอดขายได้ถึง 2,804.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1 % แบ่งเป็น ยอดขายอาหารกุ้งในไทย 2,528.1 ล้านบาท เติบโต 0.2% และยอดขายกลุ่มอาหารกุ้งในประเทศอินโดนีเซีย ที่ทำได้ 276.4 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 187.3%

ส่วนยอดขายอาหารสัตว์บก อยู่ที่ 481.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7%จาก AMG-TFM ในประเทศปากีสถาน โดยปัจจัยที่ทำให้ทั้งสองผลิตภัณฑ์เติบโตมาจากการวางกลยุทธ์การขาย และการขยายตลาดที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีปริมาณการขายสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ยอดขายอาหารปลา อยู่ที่ 1,710.5 ล้านบาท ลดลง 1.9% แบ่งเป็น ยอดขายอาหารปลาในไทย 1,676.7 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.5%  เป็นผลจากปริมาณการขายอาหารปลากะพงที่เพิ่มสูงขึ้น 30.7% ส่วนยอดขายอาหารปลาในต่างประเทศ ลดลง 72.6%  เนื่องจากสถานการณ์ราคาปลาในประเทศปากีสถานตกต่ำ ส่งผลต่อความต้องการในการใช้อาหารสำเร็จรูปในการเพาะเลี้ยงปลา

“กลยุทธ์ของเราในปี 2567 จะเป็นปีแห่งการผลักดันด้านการขายและการตลาดอย่างต่อเนื่อง จากการออกสินค้าแบรนด์ใหม่ เพื่อเจาะกลุ่มอาหารปลาน้ำจืดและปลาสวยงาม รวมถึงการทำการตลาดอาหารกุ้งในอินโดนีเซียอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเติบโตของบริษัท โดยจะมุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพออกสู่ตลาด เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า จากปีที่ผ่านมาที่เราได้ทำงานอย่างหนักในการบริหารจัดการภายในโรงงานของเรา” นายพีระศักดิ์ กล่าว