บจ.SET โกยกำไร 859,401 ล้านบาท ลด 3.7% พลังงานฉุดปี 67

HoonSmart.com>>บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (SET ) เปิดผลงานปี 67 มีกำไรดำเนินงานหลัก 1,559,270 ล้านบาท ลดลง 1.1% กำไรสุทธิ 859,401 ล้านบาท ลดลง 3.7%  ถูกฉุดโดยหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค-ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์  ด้านท่องเที่ยวบูมสร้างมูลค่าเพิ่มไปธุรกิจอุปโภคบริโภค บริการ กลุ่มการเงินได้รับผลบวกจากดอกเบี้ยที่ทรงตัวในระดับสูง นิคมฯแสดงศักยภาพตอบรับการย้ายฐานการผลิต อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนดีขึ้น อยู่ที่ 1.49 เท่า ลดลงจาก 1.52 เท่า

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน(บจ.) จำนวน 807 บริษัท นำส่งผลการดำเนินงานปี 2567 คิดเป็น 98.9% จากทั้งหมด 816 บริษัท (รวม SET และ mai ที่มีกำหนดส่งงบการเงิน ณ สิ้นปี 2567 และไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน) พบว่ามี บจ. รายงานกำไรสุทธิ 604 บริษัท คิดเป็น 74.8% ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด

ผลการดำเนินงานปี 2567 เทียบกับ ปี 2566  บจ. ใน SET มียอดขาย 17,524,872 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% ขณะที่ต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายการขายและบริหารเพิ่มขึ้นสูงกว่าเล็กน้อย ทำให้ บจ. มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core profit) 1,559,270 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 859,401 ล้านบาท ลดลง 1.1% และ 3.7% ตามลำดับ

หากพิจารณาในกลุ่มธุรกิจทั่วไป (ไม่รวมหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์) บจ.จะมียอดขาย กำไรจากการดำเนินงานหลักเติบโต 10.2% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 8.6% เนื่องจากธุรกิจน้ำมันกำไรจากการดำเนินงานลดลงมากถึง 16% ฉุดกำไรสุทธิร่วงลง 31.7% สำหรับฐานะการเงินของกิจการ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E ratio (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ที่ 1.49 เท่า ลดลงจาก 1.52 เท่า

“การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลบวกให้ บจ.ที่ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว การอุปโภคบริโภค และการบริการ มีผลประกอบการดีขึ้น เช่น หมวดอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภค ค้าปลีก โรงแรม การบิน โรงพยาบาล โทรคมนาคม และพื้นที่เช่าการค้า นอกจากนี้ พบการเติบโตในกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมจากอุปสงค์ในพื้นที่ EEC ที่เพิ่มขึ้นมาก สอดคล้องกับกระแสการย้ายฐานการผลิต (relocation) และจำนวนคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และธุรกิจการเงินซึ่งได้รับผลบวกจากอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันและส่วนต่างค่าการกลั่นปรับลดลงในปี 2567 กดดันความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันและปิโตรเคมีภัณฑ์ และภาพรวมของ บจ. ทั้งหมด” นายอัสสเดชกล่าว

ด้านผลการดำเนินงานของ บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) งวดปี 2567 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ยังคงเติบโต โดย บจ. มียอดขายรวม 209,453 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% ขณะที่ บจ. ควบคุมต้นทุนการผลิต และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดี ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงาน 14,995 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 5,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.9% และ 5.5% ตามลำดับ

 

อ่านข่าว

บจ.mai ปี67กำไร 5,550 ล้านบาท โต 5.5% มาร์จิ้นเพิ่มเป็น 25.7%

———————————————————————————————————————————————————–