ดาวโจนส์ปิดร่วง 82 จุด Nasdaq พุ่ง เงินเฟ้อต่ำกว่าคาด

HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจน์ปิดลบ 82 จุด สวนทางดัชนี S&P500 – Nasdaq ปรับตัวขึ้นแรงซื้อหุ้นเทคโนโลยี Megacap หนุน หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ อ่อนตัวลงเกินคาดช่วยคลายความกังวลเศรษฐกิจ ท่ามกลางการซื้อขายระมัดระวังจับตามาตรการภาษีศุลกากร ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” เพิ่มขึ้น 2% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวกหลังร่วงติดต่อกัน 4 วัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 12มีนาคม 2568 ปิดที่ 41,350.93 จุด ลดลง 82.55 จุด หรือ -0.20% แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับขึ้น ด้วยการเข้าซื้อหุ้นเทคโนโลยี Megacap ที่ตกลงในวันช่วงก่อนหน้า หลังการรายงานเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลงเกินคาดช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามการซื้อขายยังเป็นไปด้วยความระมัดระวังในวันพุธ นักลงทุนยังจับตามาตรการภาษีศุลกากร

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ ที่ 5,599.30 จุด เพิ่มขึ้น 27.23 จุด, +0.49%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,648.45 จุด เพิ่มขึ้น 212.35 จุด, +1.22%

กลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงลงกว่า 3% ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ฟื้นตัวขึ้น และดันดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ให้สูงขึ้น หุ้น Nvidia บวก 6.4% หุ้น AMD เพิ่มขึ้นกว่า 4% หุ้น Meta Platforms เพิ่มขึ้น 2% และหุ้น Tesla พุ่งกว่า 7%

กระทรวงแรงงานรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index:CPI) เดือนกุมภาพันธ์ว่าเพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบรายปี ชะลอตัวลงจาก 3.0% ในเดือนมกราคม และต่ำกว่า 2.9% ที่นักวิเคราะห์คาด ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2021 และลดลงจาก 3.3% ในเดือนก่อนหน้า ตลอดจนต่ำกว่า 3.2% ที่นักวิเคราะห์คาด

รายงานเงินเฟ้อที่ออกมาต่ำเกินคาดทำให้คลายความกังวลที่ว่าภาษีของทรัมป์อาจทำให้ราคาสินค้าในสหรัฐสูงขึ้น จากการที่ผู้นำเข้าของสหรัฐส่งผ่านต้นทุนให้กับผู้บริโภค อีกทั้งรายงานนี้ยังมีผลดีต่อธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ซึ่งได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อปีที่แล้วเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนจะระงับในปีนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่สูงอย่างต่อเนื่อง

เดฟ เกร็กเซ็ค กรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนและการวิจัยของ Aspiriant Wealth Management กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดจะช่วยสถานการณ์ที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่เงินเฟ้อพุ่งได้ในระดับหนึ่ง และจะช่วยคืนความยืดหยุ่นด้านนโยบายในระดับหนึ่งให้กับธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)

แม้ตลาดจะปรับขึ้น แต่หุ้นใน S&P 500 ที่ปิดลบมีมากกว่าหุ้นที่ปรับขึ้น โดยหุ้นที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือธุรกิจที่อาจได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
นโยบายภาษีศุลกากรที่กลับไปกลับมาอย่างรวดเร็วของประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงเป็นความกังวลของตลาด

แคนาดาได้เรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าสหรัฐมูลค่า 21,000 ล้านดอลลาร์โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันพุธ เพื่อตอบโต้การที่ทรัมป์เก็บภาษีศุลกากรเหล็กและอลูมิเนียมในอัตรา 25% ในช่งเช้าวันเดียวกัน ก่อนหน้านี้ สหภาพยุโรปได้ดำเนินการตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้สินค้าสหรัฐมูลค่า 28,000 ล้านดอลลาร์เช่นเดียวกันตั้งแต่เดือนเมษายน

การเก็บภาษีตอบโต้ของแคนาดาส่งผลให้หุ้น Brown-Forman ผู้ผลิตวิสกี้ Jack Daniel’s ร่วงลง 5.1% และหุ้น Harley-Davidson ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ ร่วงลง 5.7% เนื่องจากธุรกิจเบอร์เบิน วิสกี้ (Bourbon Whiskey) และมอเตอร์ไซค์ของสหรัฐฯ เป็นเพียง 2 ผลิตภัณฑ์เป้าหมายจากสหภาพยุโรป

ตลาดยุโรปปิดบวก หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 4 วันท่ามกลางความหวังเกี่ยวกับพัฒนาการเชิงบวกของความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย ขณะที่รายงานเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาดก็ช่วยหนุนความเชื่อมั่นเช่นกัน

ดัชนี STOXX 600 ของยุโรปปิดเพิ่มขึ้น ยุติการร่วงลงติดต่อกันนานที่สุดตั้งแต่เดือนธันวาคม
ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ 541.25 จุด เพิ่มขึ้น 4.36 จุด, +0.81%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,540.97 จุด เพิ่มขึ้น 44.98 จุด, +0.53%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,988.96 จุด เพิ่มขึ้น 47.05 จุด, +0.59%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,676.41 จุด เพิ่มขึ้น 347.64 จุด, +1.56%

สหรัฐฯ ตกลงเมื่อวันอังคารที่จะกลับมาให้ความช่วยเหลือทางทหารและการแบ่งปันข่าวกรองกับยูเครนอีกครั้ง หลังจากที่ยูเครนเต็มใจที่จะยอมรับข้อเสนอหยุดยิง 30 วันกับรัสเซีย

ฟิโอน่า ซินคอตตา นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ City Index กล่าวว่า “การหยุดยิงและข้อตกลงสันติภาพที่อาจเกิดขึ้นนั้นสร้างความหวังได้ในระดับหนึ่ง หากเราได้เห็นการหยุดยิงและข้อตกลงสันติภาพเกิดขึ้น ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในยุโรปก็จะลดลง และนั่นก็มีผลดีหลายด้าน”

หุ้นส่วนใหญ่ใน STOXX 600 ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มธนาคารและกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าและบริการ

หุ้น Zeal Pharma พุ่งขึ้นกว่า 37% ซึ่งถือเป็นวันที่ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากบริษัทเภสัชกรรม Roche ของสวิสซื้อลิขสิทธิ์การบำบัดโรคอ้วนของบริษัทในข้อตกลงความร่วมมือมูลค่าสูงถึง 5.3 พันล้านดอลลาร์ หุ้น Roche ซึ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่ในดัชนีปรับตัวขึ้น 3.6% และซื้อขายในระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี ดัชนีกลุ่มเฮลธ์แครเพิ่มขึ้น 0.4%

กลุ่มค้าปลีกลดลง 3% จากการร่วงลง 7.5% ของหุ้น Inditex หลังจาก Zara บริษัทแม่รายงานยอดขายไตรมาสแรกซึ่งเริ่มวันที่ 1 กุมภาพันธ์นั้นชะลอตัว

หุ้นPuma บริษัทกีฬาสัญชาติเยอรมันร่วงลง 19.9% แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 8 ปี หลังจากคาดการณ์ยอดขายไตรมาสแรกที่น่าผิดหวัง ซึ่งกดดันหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภค

หุ้น Porsche บริษัทรถหรูลดลงเล็กน้อย หลังจากรายงานกำไรต่อหุ้นในปี 2024 ลดลงมากกว่า 30% จากต้นทุนที่สูงและอุปสงค์ที่อ่อนแอของจีน

ขณะเดียวกัน เงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ต่ำกว่าคาดก็ช่วยหนุนความเชื่อมั่นในตลาด

ซินคอตตากล่าวว่า ข้อมูลนี้ช่วยให้ธนาคารกลางสหรัฐมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้นบ้างในการสนับสนุนเศรษฐกิจหากจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่การปรับขึ้นของตลาดถูกจำกัดไว้ด้วยความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าและภาวะเศรษฐกิจถดถอย

นักลงทุนยังจับตาสถานการณ์ทางการเมืองในโปรตุเกสหลังจากรัฐบาลเสียงข้างน้อยสายกลาง-ขวาล่มสลายหลังการลงมติไม่ไว้วางใจเมื่อวันอังคาร รวมทั้งสถานการณ์ในเยอรมนีก่อนการลงคะแนนเสียงเพื่อผ่านมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจ

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 67.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 1.39 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 70.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–