ดาวโจนส์ปิดร่วง 427 จุด Nasdaq เข้าสู่เขตปรับฐาน กังวลความไม่แน่นอนนโยบายการค้า

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วง 427 จุด Nasdaq เข้าสู่เขตปรับฐาน แรงขายจากความกังวลความไม่แน่นอนนโยบายการค้าทรัมป์ หลังเลื่อนอีกรอบ เก็บภาษี-เม็กซิโก-แคนาดา ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ WTI” เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก หลัง ECB มีมติลดดอกเบี้ย 0.25%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 6 มีนาคม 2568 ปิดที่ 42,579.08 จุด ลดลง 427.51 จุด หรือ -0.99% ขณะที่ดัชนี Nasdaq เข้าสู่เขตปรับฐาน ด้วยแรงเทขายจากความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,738.52 จุด ลดลง 104.11 จุด, -1.78%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,069.26 จุด ลดลง 483.48 จุด, -2.61%

ตลาดร่วงลงจากการสื่อสารที่สับสนจากทำเนียบขาว และความไม่แน่นอนของสงครามการค้าทำให้นักลงทุนกังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์พร้อมที่จะเจรจาภาษีศุลกากรหรือไม่ เมื่อวันพฤหัสบดีประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศเลื่อนเวลาการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าสำหรับสินค้าที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) จากเม็กซิโกในอัตรา 25% ออกไปจน
ถึงวันที่ 2 เมษายน และต่อมาก็ได้เลื่อนการเรียกเก็บภาษี 25% จากแคนาดาออกไปจนถึงวันที่ 2 เมษายนเช่นกัน

การเลื่อนการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าส่วนใหญ่ของเม็กซิโกและแคนาดาออกไปหนึ่งเดือน ไม่ได้หนุนตลาดเช่นเดียวกับในช่วงก่อนหน้า และส่งผลให้ตลาดผันผวน เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดในนโยบายการค้าของเขาที่กลับไป

ความกังวลเพิ่มขึ้นในช่วงบ่ายของวันพฤหัสบดี หลังจากรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ โต้แย้งเรื่องภาษีศุลกากร ทำให้นักลงทุนตั้งคำถามว่าทำเนียบขาวจะเต็มใจแค่ไหนในการประนีประนอมนโยบายที่เป็นปัญหาในระยะยาว

เบสเซนท์กล่าวในงานของ Economic Club of New York event ว่า “หากการปฏิบัติของประเทศอื่นก่อให้เกิดอันตรายต่อเศรษฐกิจและประชาชนของเรา สหรัฐฯ จะตอบโต้ นี่คือหลักการค้าที่เน้นอเมริกาเป็นอันดับแรก”

ร็อบ ฮาเวิร์ธ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนอาวุโสของ US Bank Wealth Management กล่าวว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้รับผลกระทบ จากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับภาษีศุลกากร และความไม่แน่นอนนั้นมีผลมากต่อการตัดสินใจทางธุรกิจและแนวโน้มการเติบโตของรายได้ในอนาคต

หุ้นบริษัทผลิตรถยนต์ร่วงลง โดยหุ้น GM ลดลง 2.6% หุ้น Ford Motor ลดลง 0.4% หุ้นเท Tesla ลดลง 5.6%

หุ้นเทคโนโลยียังนำการปรับลงหลังจากที่การคาดการณ์ยอดขายรายไตรมาสของ Marvell Technology ทำให้บรรดานักลงทุนผิดหวังที่คาดหวังว่า AI จะทำกำไรได้มากขึ้น หุ้นของบริษัท ร่วงลงเกือบ 19% ส่วนหุ้นผู้ผลิตชิปรายอื่นอย่าง Nvidia Broadcom และ AMD ก็ลดลงเช่นกัน

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานรายงาน จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วลดลง 21,000 ราย มาที่ 221,000 ราย และต่ำกว่า236,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด

นักลงทุนยังจับตาการรายงานการจ้างงานภาคเอกชนเดือนกุมภาพันธ์จาก ADP การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) และภาวะเศรษฐกิจ

ตลาดยุโรปปิดบวก ขณะที่นักลงทุนขานรับการตัดสินใจนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป(ECB) ที่ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เป็น 2.5% ตามคาดและส่งสัญญาณว่าอาจลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม

ดัชนี Stoxx 600 ปิดตลาดสูงขึ้นราว 0.13% หลังจากเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน ส่วนดัชนี DAX เยอรมนีปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 555.90 จุด ลดลง 0.19 จุด, -0.03%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,682.84 จุด ลดลง 73.00 จุด, -0.83%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,197.67 จุด เพิ่มขึ้น 23.92 จุด, +0.29%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,419.48 จุด เพิ่มขึ้น 338.45 จุด, +1.47%

ECB มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 6 นับตั้งแต่ เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน 2024

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น 0.8% ทำสถิติสูงสุดใหม่ แต่ได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงแรงของหุ้นธนาคารของอังกฤษ หากไม่นับรวมสหราชอาณาจักร ดัชนีหุ้นธนาคารยุโรปปรับตัวขึ้น 2.6%

หุ้นกลุ่มรถยนต์เพิ่มขึ้น 2.5% หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐประกาศเลื่อนเวลาการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าสำหรับสินค้าที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) จากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% ออกไปจนถึงวันที่ 2 เมษายน

หุ้น Stellantis หนึ่งในบริษัทที่จะได้รับผลกระทบจากภาษีเพิ่มขึ้น 2% หุ้นVolkswagen เพิ่มขึ้น 3.9% หุ้นBMW บวก 4.3%

หุ้น DHL พุ่งขึ้น 14.2% หลังประกาศแผนปลดพนักงานราว 8,000 ตำแหน่งในเยอรมนีปีนี้ และเพิ่มการซื้อหุ้นคืน

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 66.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 69.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล