“คิงส์ฟอร์ด”วางแนวรับ 1,170–1,180 จุด แนะ TFG-NSL

HoonSmart.com>>บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,170 – 1,180 จุด แนวต้าน 1,200 จุด คาดดัชนีถูกกดดันจากความไม่แน่นอนนโยบายการค้าของสหรัฐ ฟันด์โฟลว์ยังชะลอตัวหลังบอนด์ยีลด์เยอรมันและญี่ปุ่นผันผวนสูง ด้าน ECB มติลดดดอกเบี้ย 0.25% “ตลาดหุ้นสหรัฐฯ”ปิดร่วง จากความไม่แน่นอนมาตรการปรับขึ้นภาษีสหรัฐฯ หลังเลื่อนเก็บ ม็กซิโกและแคนาดาออกไปอีก 1 เดือน ขณะที่ความเสี่ยงด้านการเมืองในไทยสูงขึ้น หลัง DSI มีมติ 11 – 4 เสียงรับพิจารณาคดีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษฐานสมคบฟอกเงิน หุ้นวันนี้แนะ TFG, NSL

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,170 – 1,180 จุด แนวต้าน 1,200 จุด โดยดัชนีถูกกดดันจากความไม่แน่นอนนโยบายการค้าของสหรัฐ กอปรกับ Fund Flow ยังชะลอตัวหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของเยอรมันและญี่ปุ่นมีความผันผวนสูง แนะนำทยอยซื้อเมือดัชนีอ่อนในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น NSL,KCG,ICHI,MOSHI และเก็งกำไรหุ้นที่มีสัญญาณบวกทางเทคนิค เช่น SYNEX, BA

วานนี้ DSI มีมติ 11 – 4 เสียงรับพิจารณาคดีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษฐานสมคบฟอกเงิน ส่งผลให้ความเสี่ยงด้านการเมืองสูงขึ้น

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐปิดวานนี้ DJIA -0.99%, S&P500 -1.78%, Nasdaq -2.61% และเริ่มเข้าสู่ช่วงการปรับฐาน หลังนักลงทุนกังวลต่อความไม่แน่นอนนโยบายการค้าของทรัมป์ หลังประกาศเลื่อนการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาจนถึงวันที่ 2 เม.ย. หลังชะลอการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากเม็กซิโกและแคนาดาออกไปอีก 1 เดือน โดยนักลงทุนกังวล มาตรการปรับภาษีของทรัมป์ อาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว และมีความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะปรับสูงขึ้น

ส่วนข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 21,000 อยู่ที่ 221,000 ราย ค่ำวันนี้ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ก.พ. คาด 156,000 & ม.ค. 143,000 และอัตราว่างงานคาดทรงตัวที่ 4.0%

ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปิดทรงตัว หลัง ECB มีมติปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ 2.5%, ดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ 2.9% และดอกเบี้ยรีไฟแนนท์อยู่ที่ 2.65% หลังรายงาน CPI ยูโรโซน ก.พ. ลดลงอยู่ที่ 2.4% และม.ค. ที่ 2.5% YoY เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลัง ECB ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้ลงอยู่ที่ 0.9% & คาดที่ 1.1% YoY หลังการส่งออก & การลงทุนอาจชะลอตัว สาเหตุมาจากความไม่แน่นอนนโยบายการค้าของสหรัฐ

หุ้นแนะนำ ได้แก่ TFG (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 5.20 บาท) ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 67 มีรายได้รวม 6.5 หมื่นล้านบาท +17%YoY และมีกำไรสุทธิ 3.1 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 813 ล้านบาท ส่วนแนวโน้ม 1Q68 มีปัจจัยหนุนการเติบโต QoQ, YoY จากราคาสุกรในประเทศและเวียดนามที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย Supply ทั่วโลกลดลงจากโรค ASF ขณะที่สถานการณ์หมูเถื่อนในไทยคลี่คลายไปแล้ว ด้านต้นทุนอาหารสัตว์ลดลงตราราคากากถั่วเหลือง และข้าวโพดอาหารสัตว์

สำหรับปี 68 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15%YoY และเตรียมขยายสาขาร้าน “ไทยฟู้ดส์ เฟรซ มาร์เก็ต” ให้มีจำนวนสาขา 600 แห่ง จากปีที่ผ่านมามีสาขาอยู่ที่ 401 แห่ง ช่วยเพิ่มมาร์จิ้นให้ธุรกิจ ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 68 ที่ 3.8 พันล้านบาท +22%YoY

หุ้น NSL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 39.83บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 147 ลบ. +44%YoY +9%QoQหนุนด้วย High Season, ม.กระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯหนุนกำลังซื้อผู้บริโภค รวมถึงสินค้าใหม่ๆยังตาม trend เช่น ข้าวโพดอบชีสเบคอน,ช็อกโกแลตดูไบ(Bake a Wish) ส่วนปี68 คาดว่าจะมีปัจจัยบวกต่อเนื่องจากโรงงานใหม่ที่พึ่งเสร็จสิ้นใน 4Q67(NSL FOODS สาขา5)รวมถึงการออกสินค้าใหม่ๆ ซึ่ง 1Q68 จะมีสินค้าใหม่ เช่น ช็อกโกแลตโมจิทาร์ต, โรตีข้าวโพดชีส เป็นต้น โดย NSL วางเป้ารายได้ปี68 โตราว +16-17%YoY

ทั้งนี้ ตลาดคาดว่าปี 68 และ69 กำไรสุทธิของ NSL* จะอยู่ที่ระดับ 602 ล้านบาท (+11%YoY) และ 679 ล้านบาท (+13%YoY)

 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–