DELTA เป้ารายได้ปี 68 โตสองหลัก พร้อมปรับผลิตภัณฑ์ให้เข้ากับสถานการณ์

HoonSmart.com>>”เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)” หรือ DELTA ตั้งเป้ารายได้ปี 68 เติบโตระดับสองหลัก โดยไตรมาส 1/68 คาดผลงานยังเติบโตได้ค่อนข้างดี จากความเข้มแข็งโซลูชั่นเพื่อสนับสนุน AI เล็งออก Chip Next Generation ออกมาสู่ตลาดในปีนี้ พร้อมประสบความสำเร็จการขายหุ้นกู้แปลงสภาพ โดยหุ้นที่ใช้แปลงสภาพมาจากส่วนของบริษัทแม่ จะไม่มีการออกหุ้นใหม่ หวังเพิ่มฟรีโฟลท ส่วนนโยบายภาษีของ”ทรัมป์”ไม่คิดว่าไทยจะเจอผลประทบหนักกว่าประเทศอื่น โดยบริษัทพร้อมปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

นาย Victor Cheng ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA เปิดเผยว่า ปี 2568 จะเดินหน้ากลยุทธ์ความยั่งยืน เพื่อส่งมอบการเติบโตของรายได้ระดับสองหลัก ด้วยผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นหลากหลายสำหรับลูกค้าชั้นนำระดับโลก, ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI) เป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตหลักในปีนี้, ขยายกำลังการผลิตและกิจกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อเสริมสร้างยกระดับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง, ลงทุนในทรัพยากรบุคคลอย่างครอบคลุม เพื่อพัฒนาศักยภาพขั้นสูงในการปฏิบัติการและการขยายธุรกิจโซลูชั่นในระดับภูมิภาค, วางแผนขยายฐานธุรกิจ เพิ่มเติมสำนักงานภูมิภาคในกรุงฮานอย เวียดนาม และเขตโจฮอร์ มาเลเซีย, ขยายการลงทุนภายใต้พันธกิจการบรรลุ RE 100 ในปี 2573 พร้อมเสริมสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับสถาบันอุดมศึกษาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเร่งพัฒนาธุรกิจในอินเดีย หลังเปิดตัวศูนย์วิจัยระดับภูมิภาคในปีที่ผ่านมา พร้อมขยายกำลังคน R&D เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมจากอินเดียสู่ตลาดโลก

ทั้งนี้ ภาพรวมธุรกิจยังมีมุมมองทิศทางการเติบโตไปได้ค่อนข้างดี ผลดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 ยังเติบโตไปได้ค่อนข้างดี ซึ่งผ่านมาครึ่งไตรมาสแรกแล้วยังคงทำได้ตามแผนที่วางไว้

ปัจจัยหนุนการเติบโตของ DELTA มาจากความเข้มแข็งในเรื่องของการพัฒนาโซลูชั่นปัญญาประดิษฐ์ คาดว่าจะมี Chip Next Generation ออกมาสู่ตลาดในปีนี้ และก็จะมีการเร่งรัดการลงทุนเพิ่มเติมจากผู้ซื้อทั้งหมดในอุตสาหกรรม ซึ่งจะผลักดันกำลังไฟที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อรองรับการเมินผล และ AI เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้สินค้าของ DELTA ยังคงเป็นที่ต้องการสูง สำหรับเรื่อง AI Deployment ต่าง ๆ อย่างที่สองเป็นธุรกิจ EV แม้ว่าภาพรวมตัวเลขในปี 2567 จะเติบโตในระดับปานกลาง และ Outlook ไม่ได้สดใสมาก แต่ตลาดไม่ได้ลดลงแต่เป็นการเติบโตระดับปานกลาง ซึ่งบริษัทฯมีฐานลูกค้ายานยนต์หลายเจ้า ปีนี้ยังขับเคลื่อนการเติบโตไปได้ในระดับปานกลาง ส่วนสุดท้ายการย้ายฐานการผลิตออกจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ ตรงนี้มองว่า DELTA มีโอกาสที่จะได้รับดีมานด์ส่วนนี้มาช่วยหนุนผลดำเนินงาน

นาย Victor กล่าวถึงเรื่องความเสียหายสิทธิบัตรที่ใช้ของไต้หวันนั้น ว่า “คดีความยังอยู่ในขบวนการทางศาล กลุ่มบริษัทได้มีการติดตาม และประเมินผลกระทบความเป็นไปอยู่ ซึ่งมองว่าตัวสินค้าจะต้องเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน จากทั้งทางบริษัทแม่ที่ไต้หวันในส่วนของสิทธิบัตรที่เขาได้พัฒนามากับส่วนอของ DELTA ประเทศไทย ในฐานะที่เรานำสิทธิบัตรตรงนี้มาผลิต”

นอกจากนี้ในส่วนของหุ้นกู้แปลงสภาพของ DELTA ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว มีการจำหน่ายหุ้นกู้ได้ตามเป้า ตัวหุ้น DELTA ที่จะนำมาใช้ในการแปลงสภาพตามเงื่อนไขของตัวหุ้นกู้ฯ จะเป็นหุ้นที่มาจากสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทแม่ ไม่ได้มีการออกจำหน่ายหุ้นใหม่เพิ่มเติม ซึ่งจำนวนหุ้นที่จะใช้แปลงสภาพหุ้นกู้จะมีจำนวน 97.35 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.78% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้ว ถ้ามีการแปลงสภาพก็จะเป็นการเพิ่มฟรีโฟลทให้กับ DELTA กรณีมีการใช้สิทธิแปลงสภาพทั้งหมด

สำหรับเรื่อที่นักลงทุนมองหุ้น DELTA เป็นหุ้นที่ควบคุมความเคลื่อนไหวของตลาดนั้น นาย Victor กล่าวว่า ไม่อยากจะมีความเห็นในส่วนนี้มากนัก ภาพรวมมองเป็นส่วนของนักลงทุนที่มองมูลค่ากิจการในระยะยาว และนักลงทุนที่มองลงทุนระยะสั้น ซึ่งมุมมองของบริษัทฯพยายามจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกิจการในระยะยาว เห็นได้จากกลยุทธ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาบุคคลากร เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา เรื่องของการเสริมสร้างขีดความสามารถและ Capacity ในการผลิต เพื่อที่จะตอบรับกับดีมานด์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว อย่างไรก็ตามระหว่างเส้นทางก็เผชิญกับอุปสรรคตามรอบระยะเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอในการทำธุรกิจ เช่น สิ่งที่เกิดขึ้นในไตรมาสที่ผ่านมา ก็มีหลายประเด็นเหมือนกัน แต่เวลามีสภาวะผันผวน นักลงทุนบางส่วนที่อาจมองติดลบในระยะสั้น บริษัทฯก็มีความเข้าใจแต่ยังหวังว่าจะได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ถือหุ้นระยะยาว ที่บริษัทยังดำเนินกลยุทธ์เพื่อที่จะผลักดันธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และสร้างมูลค่าเพิ่มต่อไป

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DELTA กล่าวว่า นโยบายภาษีของ”ทรัมป์”อาจจะมีการเปิดใช้ครอบคลุมกับหลายภาคส่วน ถ้าเกิดไม่ได้มีเหตุการณ์ที่เข้ามาโดยตรงที่ประเทศไทย ก็ยังมองว่าภาพรวมอุตสาหกรรมยังเป็นแบบคู่แข่งในแต่ละภูมิภาคก็จะได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อยในระดับหนึ่ง และก็ไม่คิดว่าไทยจะเจอผลกระทบจากภาษีหนักว่าประเทศอื่น แต่ถ้ามันเกิดขึ้นสถานการณ์ก็จะเป็นลบ ก็ต้องมีการปรับในเรื่องน้ำหนักผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป