กนง.เสียงแตกคงดอกเบี้ย 2.5 % กสิกรฯคาดลด 0.25% ครึ่งปีหลังดันศก.

HoonSmart.com>>กนง.นัดแรกปี 67 มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50 % เสียงแตกครั้งแรกในรอบ 9 ประชุมที่ผ่านมา เป็นสัญญาณใกล้ลดดอกเบึ้ย ค่ายกสิกรไทยคาดถึงเวลาลงครึ่งปีหลัง 0.25% รอพี่ใหญ่สหรัฐลงนำก่อน หนุนหุ้นบวก แต่เงินบาทอ่อน ส่วน บล.หยวนต้ามองบวกต่อหุ้น Yield Play ไฟแนนซ์ โรงไฟฟ้า อสังหาฯ สื่อสาร REIT ตลาดหุ้นปิดระดับ 1,400 จุด ขณะที่ธปท.ไม่เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจปี 66 หลังปรับลดเป้าปีนี้ลงเหลือ 2.5-3.0% ลดเงินเฟ้อเหลือ 1%

ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 1/2567 วันที่ 7 ก.พ. 2567 มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50 % ต่อปี โดย 2 เสียง เห็นควรให้ลดดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับศักยภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ต่ำลงจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง และกนง.มีการปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2567 เหลือโต 2.5-3% จากเดิม 3.2-3.8% ลดเงินเฟ้อเหลือ 1% จากเดิม 2-2.2%  และเงินเฟ้อทั่วไปเหลือ 1.0% โดยการบริโภคภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยวยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ

อย่างไรก็ตาม กนง.ไม่เปิดเผยตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2566 หลังปรับลดจากที่คาดการณ์ไว้ 2.4% ขณะที่กระทรวงการคลังประกาศออกมาว่าขยายตัวเพียง 1.8% เท่านั้น

ส่วนระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ ธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็ง สำหรับการระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้โดยรวมยังดำเนินการได้ตามปกติ แม้มีผู้ออกตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงบางรายระดมทุนทดแทนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอน (rollover) ได้ไม่เต็มจำนวน ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์ สรอ. ตั้งแต่ช่วงต้นปี 67 อ่อนค่าสอดคล้องกับสกุลเงินภูมิภาค ตามการคาดการณ์ทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นสำคัญ

ด้านห้องค้ากสิกรไทยประเมินว่า ธปท. มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เป็น 2.25% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่คาดว่าจะคงดอกเบี้ยที่ 2.50% ตลอดทั้งปี และจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยลงในปี 2568 ทั้งนี้การปรับลดดอกเบี้ยของ ธปท. จะเกิดขึ้นหลังจากที่เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนพ.ค.ที่จะถึงนี้ ส่วนหนึ่งเพื่อรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนและไม่ให้เกิดกระแสเงินทุนไหลออกเป็นจำนวนมากตามมา

“ด้วยมติที่ไม่เป็นเอกฉันท์ สะท้อนโอกาสการลดดอกเบี้ยภายในปีนี้ที่มีมากขึ้น นอกจากนี้ เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะขยายตัวในระดับต่ำ ท่ามกลางหลายปัจจัยเสี่ยงทั้งจากภายใน อาทิ ปัญหาเชิงโครงสร้าง ความไม่แน่นอนทางการเมือง และความหวังมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่ริบหรี่ รวมถึงปัจจัยภายนอก อาทิ อุปสงค์โลกที่ฟื้ นตัวช้า โดยเฉพาะจีน ซึ่งไทยพึ่งพาอย่างมากทั้งการส่งออกและการท่องเที่ยว และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์”

นอกจากนี้หลังผลการประชุมออกมาด้วยมติที่ไม่เป็นเอกฉันท์ เงินบาทอ่อนค่าลงทันที -0.3% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ต้องติดตาม ธนาคารกลางจีน (พีบีโอซี) หากมีการปรับลดดอกเบี้ยลงเพิ่มเติม สะท้อนถึงเศรษฐกิจจีนที่ยังอ่อนแอ นับเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทย

บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) มองประเด็นมติไม่เอกฉันท์ มี 2 เสียงให้ลด 0.25% ทำให้การประชุมหลังจากนี้น่าจับตาอย่างยิ่ง ว่า กนง. จะทนแรงเสียดทานด้านการเมืองและการชะลอตัวของเศรษฐกิจได้นานเพียงใด โดย กนง.จะประชุมครั้งถัดไป 10 เม.ย. และถัดไปอีกคือ 12 มิ.ย.นี้โทนแบบนี้เป็นบวกต่อ Yield Play ไฟแนนซ์ โรงไฟฟ้า อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร REIT

ด้านตลาดหุ้น รับข่าวดีต้นทุนทางการเงินจ่อลดลง ดัชนีปิดที่ 1,400.02 จุด บวก 3.06 จุด หรือ 0.22% มูลค่าการซื้อขายรวม 45,570.86 ล้านบาท แต่นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขาย 2,006 ล้านบาท ได้แรงซื้อจากนักลงทุนไทย 1,282.93 ล้านบาท และสถาบันไทยซื้อ 1,134.80 ล้านบาท ด้านตลาดหุ้นภูมิภาคมีทั้งบวกและลบ นำโดยจีน ดัชนีเซี่ยงไฮ้ พุ่งขึ้น 1.44% เกาหลีใต้ บวก 1.30% ส่วนฮ่องกงลดลง 0.34%

แต่มติที่ไม่เป็นเอกฉันท์เรื่องดอกเบี้ยและมีการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2567  กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าปิดที่ระดับ 35.62 บาท/ดอลลาร์

คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) มองว่าเศรษฐกิจปี 2567 ฟื้นตัวได้ แต่ยังอ่อนแอ แม้ภาคการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหนุน แต่ภาคการผลิตหดตัวต่อเนื่อง ทำให้การฟื้นตัวไม่ทั่วถึง ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ติดลบต่อเนื่อง เป็นสัญญาณความอ่อนแอของเศรษฐกิจ ขณะที่ภาคการส่งออกขยายตัวประมาณ 2-3% ในปีนี้

นอกจากนี้กกร.สนับสนุนมาตรการการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)แต่ขอให้ติดตามประเมินผลกระทบของมาตรการการเข้าถึงสินเชื่อด้วย รวมถึงยังกังวลกับปัญหาสินค้าราคาถูกที่เข้ามาทุ่มตลาดทั้งในไทยและอาเซียน ทั้งจากสินค้าออนไลน์ (E-commerce) และการเข้ามาใช้ประโยชน์จาก Free Trade Zone จึงเสนอให้ภาครัฐทบทวนข้อยกเว้นจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์ที่ไม่เกิน 1,500 บาท เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับผู้ประกอบการไทย ทบทวนนโยบายและเงื่อนไขในการใช้สิทธิประโยชน์ใน Free Trade Zone

ส่วนกรณีที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามากว่า 3 ล้านคน สร้างเม็ดเงินกว่า 1.7 แสนล้านบาทในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา แต่ กกร.กังวลความหนาแน่นในบางพื้นที่ เช่น ภูเก็ต จึงเสนอให้ภาครัฐช่วยจัดระเบียบ ช่วยส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้เกิดการท่องเที่ยวตามเมืองรองต่างๆ เพื่อลดความหนาแน่นและช่วยกระจายรายได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งควรกระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เกิดการใช้จ่ายต่อหัวให้มากขึ้น