ดาวโจนส์ปิดร่วง 649 จุด ทรัมป์เดินหน้าเก็บภาษีแคนาดา-เม็กซิโก 4 มี.ค.นี้

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดลบ ดาวโจนส์ร่วง 649 จุด หลังทรัมป์เดินหน้าเก็บภาษีภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% มีผล 4 มี.ค.นี้ ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับตัวลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวกที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 3 มีนาคม 2568 ปิดที่ 43,191.24 จุด ลดลง 649.67 จุด หรือ -1.48% และหักล้างการปรับเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในเดือนพฤศจิกายน หลังจากที่เขาประกาศว่าการเก็บภาษีศุลกากร 25% จากแคนาดาและเม็กซิโกจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มีนาคมนี้ ทำให้กังวลว่าจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวมากขึ้นหลังการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจไม่สดใส

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,849.72 จุด ลดลง 104.78 จุด, -1.76% เป็นเปอร์เซ็นต์ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,350.19 จุด ลดลง 497.09 จุด, -2.64%

ตลาดปรับตัวลงในการซื้อขายช่วงบ่ายภายหลังประธานาธิบดีทรัมป์ย้ำว่าการเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% จะมีผลบังคับใช้ในวันอังคาร ทำลายความหวังของนักลงทุนที่ว่าอาจจะมีการทำข้อตกลงในนาทีสุดท้ายเพื่อหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีเต็มอัตราจากทั้งสองพันธมิตรของสหรัฐ ทั้งสามดัชนีซื้อขายในแดนบวกในช่วงเช้าของวัน โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นเกือบ 200 จุดในระดับสูงสุดของวัน

ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.8% หลังจากทรัมป์กล่าวว่า “ไม่มีช่องว่าง” สำหรับการเจรจาที่อาจลดภาษีที่กำหนดจะเริ่มในวันอังคารสำหรับการนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ทรัมป์ได้เลื่อนการเก็บภาษีออกไปแล้วครั้งหนึ่งเพื่อให้มีเวลาพูดคุยมากขึ้น

“ไม่มีช่องสำหรับเม็กซิโกหรือแคนาดา” ทรัมป์กล่าวร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ฮาวเวิร์ด ลัทนิค จากทำเนียบขาว “ภาษีต่างตอบแทนเริ่มในวันที่ 2 เมษายน … แต่ที่สำคัญมากคือพรุ่งนี้ ภาษี 25% สำหรับแคนาดาและ 25% สำหรับเม็กซิโก … จะเริ่มขึ้น”

ทรัมป์ยังได้ลงนามในการดำเนินการเพื่อเก็บภาษีเพิ่มเติม 10% จากจีน ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารระบุ

การลดความเสี่ยงของนักลงทุน ส่งผลกระทบกับทุกกลุ่มตั้งแต่เทคโนโลยีไปจนถึงหุ้นขนาดเล็ก นอกเหนือจาก Nvidiaที่ลดลง 8.7% แล้ว หุ้นปัญญาประดิษฐ์(AI) อื่น เช่น Broadcom และ Super Micro Computer ก็ลดลงเช่นกัน หุ้นAmazon.com ลดลง 3.4% หุ้น Microsoft ลดลง 2.1% หุ้นAlphabet ลดลง 2%

หุ้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเก็บภาษีหรือการตอบโต้จากประเทศเป้าหมายก็ลดลงเช่นกัน หุ้น GM และ Ford ตกลงมาที่ระดับต่ำสุดของวัน กองทุน ETF จาก iShares ที่อิงเม็กซิโกและแคนาดาลดลงกว่า 1%

คริส รัปคีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ FWDBONDS ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นจะรอดจากการปรับเปลี่ยนนี้ได้หรือไม่ ต้องดูกันต่อไป แต่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ภาษีศุลกากรถือว่าเป็น ผลกระทบทางลบ(shock)ต่อเศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นปรับลงอยู่จากการรายงานผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ก่อนการประกาศของทรัมป์ โดย ISM รายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนกุมภาพันธ์ลดลงมาที่ 50.3 ต่ำกว่า 50.6 ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ จาก 50.9 ในเดือนมกราคม

นักลงทุนจับตาการรายงานข้อมูลแรงงานแรงงานของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ที่อาจจะเปลี่ยนมุมมองของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้หลังจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่ยังไม่ลดลงทำให้เฟดระมัดระวังในการลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น

โดยในวันพุธจะมีการรายงานการจ้างงานภาคเอกชนเดือนกุมภาพันธ์จาก ADP และในวันพฤหัสบดีจะเป็นการรายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์จากกระทรวงแรงงาน และในส่วนในวันศุกร์จะมีการรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.0% ในเดือนก.พ.
นักลงทุนมองว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยสองครั้งครั้งละ 0.25% จากเฟดภายในเดือนธันวาคมตามข้อมูลที่รวบรวมโดย LSEG

ตลาดยุโรปปิดบวกที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ จากที่ความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่าการใช้จ่ายทางทหารในภูมิภาคจะสูงขึ้น และความเป็นไปได้ของข้อเสนอสันติภาพของยูเครนมีผลต่อความเชื่อมั่นอีกด้วย

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 563.13 จุด เพิ่มขึ้น 5.94 จุด, +1.07%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,871.31 จุด เพิ่มขึ้น 61.57 จุด, +0.70%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,199.71 จุด เพิ่มขึ้น 88.08 จุด, +1.09%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,147.02 จุด เพิ่มขึ้น 595.59 จุด, +2.64%

ดัชนีบลูชิปของเยอรมนีเพิ่มขึ้นภายในวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2022 และปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เช่นเดียวกับดัชนีตลาดหุ้นสหราชอาณาจักร

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดาผู้นำจากประเทศเศรษฐกิจหลักยุโรป ต่างเห็นพ้องกันที่จะเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหม เพื่อแสดงให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เห็นว่าภูมิภาคนี้สามารถปกป้องตัวเองได้

อังกฤษกล่าวว่ามีข้อเสนอที่เป็นไปได้หลายทางสำหรับการหยุดยิงในยูเครน หลังจากความขัดแย้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครน

หุ้น Rheinmetall ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 13.7% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่หุ้น Leonardo ของอิตาลี พุ่งขึ้น 16% และ หุ้น BAE Systems (BAES.L) ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 14.5%

หุ้น Thales และ Dassault Aviation ของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 16% และ 14% ตามลำดับ

ดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมอวกาศและการป้องกันประเทศของยุโรป เพิ่มขึ้น 7.7% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าและบริการอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 2.5%
รายงานของรอยเตอร์ระบุว่า พรรคการเมืองที่อยู่ระหว่างการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลใหม่กำลังพิจารณาที่จะจัดตั้งกองทุนป้องกันประเทศ ยังช่วยหนุนความเชื่อมั่นต่อบริษัทด้านการป้องกันประเทศอีกด้วย

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล อายุ 10 ปีของเยอรมนี เพิ่มขึ้นเป็น 2.49% กดดันอสังหาริมทรัพย์และสาธารณูปโภคที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย

ขณะเดียวกัน ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนลดลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนที่แล้ว แต่องค์ประกอบธนาคารกลางยุโรป(ECB)จับตามากที่สุดกลับลดลง ส่งผลให้มีโอกาสที่ ECB จะลดดอกเบี้ยอีกครั้งในวันพฤหัสบดี และผ่อนคลายนโยบายเพิ่มในอีกไม่เดือนต่อไป

อย่างไรก็ตาม ความสนใจอยู่ที่จุดยืนของ ECB ต่อแผนของสหรัฐฯที่จะใช้การเก็บภาษี ในอัตราที่เท่ากัน(reciprocal” tariffs)กับสหภาพยุโรป เนื่องจากการเก็บภาษีจากแคนาดาและเม็กซิโก และภาษีอีก 10% สำหรับจีนจะมีผลในวันที่ 4 มีนาคมนี้

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนเมษายนลดลง 1.39 ดอลลาร์ หรือ 1.99% ปิดที่ 68.37ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.19 ดอลลาร์ หรือ 1.63% ปิดที่ 71.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล