IRPC ตั้งงบลงทุน 5 ปี กว่า 1.3 หมื่นลบ. วางกลยุทธ์ดัน EBITDA เพิ่ม

HoonSmart.com>>”ไออาร์พีซี”(IRPC)ตั้งงบลงทุนระยะ 5 ปี (ปี 2568-2572) ไว้ที่ 13,093 ล้านบาท โดยปี 2568 วางงบลงทุนไว้ 3,680 ล้านบาท โดยแหล่งเงินมาจากเงินกู้ธนาคาร และการออกหุ้นกู้ คาดเสร็จในไตรมาส 1/68 โดยปี 68 มีแผนชำระหนี้ประมาณ 9,000 ล้านบาท พร้อมเผยกลยุทธ์ดัน EBITDA เพิ่มขึ้น ปรับผลิตภัณฑ์ให้เป็นพรีเมียม ให้มีมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น และดูแลประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงดูแลสินทรัพย์บริษัทในเครือ พยายามหารายได้จากธุรกิจเสริม ปี 68 เล็งตั้งบริษัทในเครือหลังบอร์ดอนุมัติแผนลงทุน-พาร์ทเนอร์แล้ว พร้อมเปิดเแผน Shut Down ปี 68

น.ส.เอธิตา อนันตธุรการ ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งงบลงทุน (CAPEX) 5 ปี (ปี 2568-2572) ไว้ที่ 13,093 ล้านบาท โดยในปี 2568 จะใช้งบลงทุน 3,680 ล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้กับโครงการที่กำลังดำเนินอยู่ 2,344 ล้านบาท ส่วนเป้าหมาย EBITDA ในปี 2568 จากธุรกิจโรงกลั่น 53% ธุรกิจปิโตรเคมี 24% และธุรกิจ Power & Utilities 23% ขณะที่ปี 2572 EBITDA ของธุรกิจโรงกลั่น 38% ธุรกิจปิโตรเคมี 37% ธุรกิจ Power & Utilities 13% และธุรกิจใหม่ 12%

ทั้งนี้ ปี 2568 บริษัทฯมีแผนการหาเงินจากการกู้เงินธนาคาร, การออกหุ้นกู้ ซึ่งจะให้แล้วเสร็จในไตรมาส 1/2568 แม้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะปรับลงได้อีก แต่การเข้าระดมทุนช่วงนี้ก็พอเหมาะพอควรแล้ว ส่วนแผนชำระหนี้ในปี 2568 ที่มีอยู่ประมาณ 9,000 ล้านบาท จะมาจากเงินกู้ และหุ้นกู้ ซึ่งจะใช้เงินมากในไตรมาส 2 ขณะที่ไตรมาส 1 คาดว่า EBITDA ฟื้นตัวขึ้น โดยจะใช้กระแสเงินสดเป็นหลัก ประกอบกับการหาเงินมาคืนเงินกู้ด้วย ซึ่งบริษัทสามารถทำได้แน่นอน

กลยุทธ์ของบริษัทยังคงเน้นธุรกิจหลักทั้งธุรกิจโรงกลั่น และปิโตรเคมี โดยทำให้ EBITDA เพิ่มขึ้น ซึ่งก็จะมีการปรับ Product ให้เป็นพรีเมียม ให้มีมาร์จิ้นเพิ่ม และดูแลประสิทธิภาพการผลิต นอกจากนี้ จะดูแลสินทรัพย์ของบริษัทในเครือ อย่างเช่น ที่ดินก็มีการนำไปพัฒนา หรือให้นักลงทุนมาเช่าใช้ทำโรงงาน รวมไปถึงตัดขายที่ดินบางส่วนด้วย ซึ่งเป้าหมาย EBITDA ปี 2568 จะฟื้นตัวขึ้นจากปี 2567 ในธุรกิจปิโตรเลียม และปิโตรเคมี โดยปิโตรเลียมจะเน้นขายในประเทศให้มากขึ้น ส่วนปิโตรเคมี คาดราคาผลิตภัณฑ์จะฟื้น ซึ่งถ้าฟื้นตัวขึ้นได้ จะทำให้ EBITDA เพิ่มขึ้นเท่าตัวในปี 2568 และเป้าหมายปี 2568 จะเพิ่มสัดส่วนปิโตรเคมีให้ได้เกือบ 40% ของกำลังการผลิต

นอกจากนี้ ธุรกิจท่าเรือ บริษัทอยู่ระหว่างการพูดคุยกับนักลงทุนต่างชาติในการพัฒนาท่าเรือ และจะมีการพัฒนาที่ดินที่ระยองเพิ่มเติม รวมถึงการเดินหน้าลดต้นทุน และเพิ่มสัดส่วน Specialty

“กลยุทธ์พยายามหารายได้เพิ่มเติมจากการหาธุรกิจเสริม จากการไปลงทุนกับนักลงทุนเจ้าอื่น จะสามารถสร้าง Stable Cash flow ผ่านตัวของบริษัทในเครือได้ ในปี 68 น่าจะมีการจัดตั้งบริษัทในเครือ หลังจากที่บอร์ดอนุมัติแผนการลงทุนกับทางพาร์ทเนอร์เรียบร้อยแล้ว และส่วนของกลยุทธ์ทางเราก็ทำตามนโยบบายของ ปตท. โดยทาง ปตท.ก็จะมีการดูแลเกี่ยวกับ Strategic Partner มาให้ อันนี้ก็อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าปีนี้น่าจะมีความคืบหน้าเพิ่มเติม”

น.ส.มนทกานติ์ นาราช ผู้จัดการอาวุโสนักลงทุนสัมพันธ์ IRPC กล่าวว่า แผนการ Shut Down ในปี 2568 จะพิจารณาสถานการณ์ของตลาด และเงื่อนไขของโรงงานอย่างถี่ถ้วน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพดีที่สุดในระยะยาว ธุรกิจปิโตรเลียรมมีแผนซ่อมปรับปรุงในครึ่งแรกปี 2568 โดย RDCC หรือ Unit UHV จะ Shout Down 46 วันในช่วงมี.ค.-เม.ย. ส่วนของ Roof (น้ำมันหล่อลื่น) จะ Shout Down ประมาณ 10 วันในช่วงเดือนพ.ค. ส่วนปิโตรเคมี วางแผนซ่อมบำรุงเครื่องจักรในระหว่างปี 2568 เป็นการซ่อมบำรุงปกติ โดยผลิตภัณฑ์ HDPE จะมีการ Shut Down ประมาณ 6 วันในเดือนมี.ค.-เม.ย. และผลิตภัณฑ์ PP จะ Shut Down 4-5 วันในช่วงมี.ค. และ 4 วันในพ.ค. ส่วนผลิตภัณฑ์ Px จะ Shut Down เฉลี่ยประมาณ 13 วันในพ.ย.