HoonSmart.com>> SMD100 งบปี’ 67 กำไร 41.67 ล้านบาท แจกปันผลอีก 0.25 บาท ฟาก “ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์” ซีอีโอ ย้ำ !! กำไรลด จากการลงทุนเพื่อการเติบโตระยะยาว ไม่ใช่สัญญาณการถดถอยของธุรกิจ เปิดงานในมือแกร่งกว่า 579 ลบ. เตรียม Spin-off “เอสเอ็มดี สัปปายะ”
บริษัท เอสเอ็มดี ไรส์ (SMD100) รายงานประดำเนินงานปี 2567 กำไรสุทธิ 41.67 ล้านบาท ลดลง 37.57 ล้านบาท หรือ 47.41% เทียบกับปีก่อน
สำหรับไตรมาส 4/ 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 17.77 ล้านบาท ลดลง 12.59 ล้านบาท หรือ 41.47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหลักมาจากการลดลงของยอดขายสินค้ากลุ่มเวชบำบัดวิกฤต ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 54.26% ของรายได้จากการขาย เนื่องจากงบประมาณภาครัฐที่มีอย่างจำกัด
ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนคู่แข่งขันในอุตสาหกรรม ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคา
ทั้งนี้ กำไรสุทธิผลประกอบการปี 2567 ลดลงจากปีก่อน โดยหลักมาจากการลดลงของยอดขายสินค้ากลุ่มเวชบำบัดวิกฤต กลุ่มหทัยวิทยา และกลุ่มเครื่องมือแพทย์ทั่วไป จากงบประมาณภาครัฐที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้ความต้องการสินค้าลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ขณะที่ยอดขายสินค้ากลุ่มเวชศาสตร์การนอนหลับ และกลุ่มกลุ่มสมาร์ทฮอสพิทอล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ขยายธุรกิจเครื่องมือแพทย์เฉพาะทางด้านเวลเนส (Wellness) ทำให้มีการเพิ่มสินค้าในกลุ่ม Wellness เป็นผลให้ยอดขายสินค้ากลุ่มบริการเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน
ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังคงมี Backlog คงเหลือทั้งสิ้น 579.06 ล้านบาท โดยหลักเป็นกลุ่มเวชศาสตร์การนอนหลับ กลุ่มเวชบำบัดวิกฤต และกลุ่มรังสีวิทยาฯ คิดเป็นสัดส่วน 58% 13% และ 13% ตามลำดับ ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการที่แข็งแกร่ง
บริษัท ฯ จ่ายเงินปันผลสำหรับผลดำเนินงานปี 2567 หุ้นละ 0.75 บาท ซึ่งจ่ายระหว่างกาลแล้ว 0.50 บาท/หุ้น เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2567 ที่เหลือ 0.25 บาท กำหนดจ่ายวันที่ 21 เม.ย.2568
ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอ็มดี ไรส์ (SMD100) กล่าวว่า การลดลงของกำไรสุทธิในปีที่ผ่านมา เป็นผลจากการลงทุนเพื่อการเติบโตระยะยาว ถือเป็นการลดลงของกำไรเชิงกลยุทธ์ ไม่ใช่สัญญาณการถดถอยของธุรกิจ บริษัทในเครืออยู่ระหว่างการลงทุน ทำให้งบการเงินรวมยังไม่สะท้อนศักยภาพที่แท้จริง
ฐานะการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ที่ 0.70 เท่า ณ สิ้นปี 2567 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 242.66 ล้านบาท และ Backlog มูลค่า 579.06 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในอนาคต
การปรับโครงสร้างองค์กรและกลยุทธ์ธุรกิจใหม่
บริษัทได้ปรับโครงสร้างองค์กรเป็น 5 หน่วยงานหลัก ประกอบด้วย
• SMD Genesis
• SMD Sappaya
• SMDi
• SMD Connex
• SMD rise Global Business Unit
พร้อมเปลี่ยนชื่อจาก “เซนต์เมด” เป็น “เอสเอ็มดี ไรส์” เพื่อสะท้อนวิสัยทัศน์การเปลี่ยนผ่านจากผู้จัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ สู่ผู้ให้บริการระบบนิเวศด้านสุขภาพครบวงจร (Healthcare Ecosystem Provider)
คณะกรรมการมีมติอนุมัติการจัดตั้ง SMD Connex Co., Ltd. เพื่อดำเนินธุรกิจ Medical IT ในรูปแบบ Device as a Service (DaaS) และ Software as a Service (SaaS) ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income)
นอกจากนี้ บริษัทมีแผน Spin-off บริษัท เอสเอ็มดี สัปปายะ จำกัด ซึ่งมุ่งเน้นธุรกิจ Longevity & Wellness เพื่อเพิ่ม Fund Flow และดึงมูลค่าแฝงของธุรกิจออกมา
กลยุทธ์ “10S” รองรับ Megatrend ด้านสุขภาพ
บริษัทวางกลยุทธ์ “10S” ครอบคลุมความต้องการด้านสุขภาพแบบองค์รวม
• Sleep
• Sex
• Stress
• Syndrome (Metabolic & Office)
• Slim
• Skin
• Soul & Spirit
• Super Smart Exercise
• Super Sappaya
กลยุทธ์นี้สอดคล้องกับเทรนด์ Longevity & Wellness ซึ่งมีมูลค่าตลาดกว่า 4.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 9.9% ต่อปีจนถึงปี 2570
Backlog แข็งแกร่งและการเติบโตในอนาคต
บริษัทมี Backlog มูลค่า 579.06 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
• เวชศาสตร์การนอนหลับ (58%)
• เวชบำบัดวิกฤต (13%)
• รังสีวิทยา (13%)
ธุรกิจอยู่ในแนวโน้ม Megatrend และพร้อมขยายตัวอย่างรวดเร็ว
โอกาสเติบโตจากนโยบายภาครัฐ
บริษัทได้รับประโยชน์จากพระราชบัญญัติประกันสังคมที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งครอบคลุมการรักษาผู้ป่วยโรคหยุดหายใจขณะหลับด้วยเครื่อง CPAP
นอกจากนี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้อนุมัติการเบิกค่าตรวจการนอนหลับและเครื่องช่วยหายใจซีแพพ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตของธุรกิจนี้
ตลาดศักยภาพสูงจากจำนวนผู้ประกันตนกว่า 11 ล้านคน และผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอีก 47 ล้านคน
ความโดดเด่นด้านมาตรฐานระดับสากล
บริษัทมีศูนย์ตรวจการนอนหลับที่ได้รับมาตรฐานระดับสากล
• ศูนย์ตรวจการนอนหลับ เอสเอ็มดีเอกซ์คิน-ออริจิ้น ได้รับการรับรอง AACI เป็นแห่งแรกในเอเชียแปซิฟิก
• ศูนย์ตรวจการนอนหลับขนาด 11 เตียงในศูนย์การแพทย์ธรรมศาสตร์ อยู่ระหว่างเตรียมรับรองมาตรฐาน
• ศูนย์ตรวจการนอนหลับศิริราชกาญจนาภิเษก ได้รับการรับรอง AACI
บริษัทมีแผนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP กับโรงเรียนแพทย์และโรงพยาบาลจังหวัดขนาดใหญ่หลายแห่ง
การลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง
บริษัทให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะผ่าน SMDi Co., Ltd. ที่พัฒนาเทคโนโลยีรักษามะเร็ง Proton Therapy ร่วมกับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์
เทคโนโลยีนี้ช่วยกำหนดตำแหน่งการฉายรังสีแม่นยำสูง ลดผลข้างเคียง เหมาะสำหรับมะเร็งในจุดสำคัญและผู้ป่วยเด็ก
บริษัทได้ลงนาม MOU และเตรียมลงนาม MOA โดยโครงการจะใช้เวลาก่อสร้าง 2 ปี และมีรายได้ตลอดอายุสัญญา 20 ปี
บริษัทมีแผน Spin-off ธุรกิจนี้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผู้ถือหุ้น
แนวทางการดำเนินธุรกิจในอนาคต
บริษัทมุ่งสู่โมเดลรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income) ผ่าน
• Revenue Sharing
• DaaS (Device as a Service)
• Subscription Services
• Clinical Information Systems
การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยสร้างกระแสเงินสดมั่นคง ลดความผันผวนของรายได้ และขยายฐานลูกค้าระยะยาว
นอกจากนี้ บริษัทเร่งกระจายฐานลูกค้าสู่ภาคเอกชน เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากภาครัฐที่ปัจจุบันมีสัดส่วน 66.92% โดยมุ่งเน้นธุรกิจ Wellness และ Digital Health
สรุป SMD rise มุ่งมั่นพัฒนาองค์กรตามวิสัยทัศน์ “Leading Healthcare with Cutting-Edge Innovation” เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น