DTCENT ตั้งเป้าปี 68 รายได้โต 15-20% วางงบลงทุน 300 ลบ.

HoonSmart.com>>”ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์”(DTCENT) โชว์ปี 67 กำไรสุทธิ 114.44 ล้านบาท โต 14.88% จากการให้บริการระบบติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking) และงานโครงการของภาครัฐ พร้อมจ่ายปันผล 0.06 บาท/หุ้น ขึ้น XD 11 มี.ค.นี้ ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 68 โต 15-20% งบลงทุน 300 ล้านบาท เดินหน้า AI พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมแผนเปิดศูนย์ DTC SHOP ให้ครบ 20 สาขา ภายในปี 68 จากปัจจุบันมี 15 สาขา

นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ (DTCENT) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2567 มีกำไรสุทธิ 114.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.88% เทียบกับปีก่อน มีกำไรสุทธิ 99.62 ล้านบาท และมีรายได้รวม 740.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.49% เทียบกับปีก่อน มีรายได้รวม 729.46 ล้านบาท ปัจจัยหลักที่สนับสนุนให้มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นมาจากรายได้จากการขายและให้บริการ ทั้งการใช้ระบบติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking) และงานโครงการของภาครัฐ

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติอนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.06 บาท/หุ้น จากผลการดำเนินงานประจำปี 2567 วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record date) 12 มีนาคม 2568 ซึ่งวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 11 มีนาคม 2568 และกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 20 พฤษภาคม 2568

“ปี 2567 บริษัทฯ สามารถทำผลงานออกมาได้เป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากมีรายได้จากการให้เช่าอุปกรณ์สำหรับติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking) และ Mobile DVR เพิ่มขึ้น ซึ่งมีการพัฒนาและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในปัจจุบัน รวมทั้ง สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ในอัตราที่มากกว่า นโยบายจ่ายเงินปันผลในแต่ละปีในอัตราไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิ” นายทศพล กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจปี 2568 ตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ในรูปแบบ M&A การลงทุนในโปรเจคของรัฐบาล การพัฒนา Control Room และการนำ AI มาพัฒนาในการทำวิจัยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และเดินหน้าเปิดศูนย์ DTC SHOP ให้ครบ 20 สาขา ภายในปีนี้ โดยปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 15 สาขา

ส่วนงานด้าน IoT Solutions และระบบ AI ปัจจุบันได้รับงานพัฒนาโครงการเทศบาลนครรังสิตสู่เมืองอัจฉริยะ โดยใช้แอปพลิเคชันสำหรับเมืองอัจฉริยะ (Rangsit City App) และบริษัทฯ วางแผนจัดทำโครงการ Smart City Solution, Smart AI Solution ให้บริการกับโครงการหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอีกหลายโครงการ

ขณะที่ งานด้านระบบ BAMS (Business Activity Management System) ได้เปิดให้บริการบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว มีจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการ 42 บริษัท

ส่วนศูนย์บริหารจัดการและบริการข้อมูลยานพาหนะ Vehicle Monitoring and Support Center ได้เปิดให้บริการงานมอนิเตอร์ให้กับลูกค้าเรียบร้อยแล้ว และส่วนงานด้านการอบรมความปลอดภัยอย่างครบวงจร เช่น การใช้รถใช้ถนน การขับขี่อย่างปลอดภัย และ Simulator ได้เปิดให้บริการกับกลุ่มลูกค้าเดิม และขยายไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่

ในส่วนของความร่วมมือกับ 2 พันธมิตรทางธุรกิจ ประกอบด้วย บริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน (BRS) ปัจจุบันมีการรับงานโครงการร่วมกัน ในส่วนของ บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES) ร่วมกันศึกษาการทำตลาดด้าน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics และบริษัทฯ ได้รับใบ Certificate IATF 16949 ระบบมาตรฐานการจัดการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับผู้ผลิตยานยนต์เรียบร้อยแล้ว สามารถเริ่มงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

“ในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตที่ 15-20% จากธุรกิจ GPS Tracking โดยเฉพาะค่าบริการการเช่าอุปกรณ์ ที่มีรายได้เข้ามาสม่ำเสมอ ส่วนงาน IoT Solutions และระบบ AI ยังเดินหน้าเข้าประมูลงานโครงการภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการเปิดศูนย์ DTC SHOP จะช่วยลดต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี” นายทศพล กล่าว