HoonSmart.com>> GULF กำหนดชื่อบริษัทใหม่คือ “บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์” ใช้ชื่อย่อหุ้นตัวเดิม”GULF” เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ 3 เม.ย.นี้ หยุดเทรด 9 วัน ( 21 มี.ค.-2 เม.ย.) ควบรวมกิจการกับ INTUCH คาดกำไรในอนาคตราว 60% มาจากธุรกิจพลังงาน และ 40% จากธุรกิจดิจิทัล ปี 68 ตั้งเป้ารายได้โต 20-25% ตั้งงบลงทุน 23,000 ล้านบาท ใช้ในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน 70% พร้อมแผนสร้าง LNG terminal กลางปีนี้ และคาดเปิดดำเนินการปี 71 โดยปี 68 จะนำเข้า LNG เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 70 ลำ ราว 4-5 ล้านตัน
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังอยู่ในกระบวนการการควบรวมกิจการกับ INTUCH โดยบริษัทใหม่ (NewCo) กำหนดชื่อไว้แล้วคือ “บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์” มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วใหม่ 14,940 ล้านบาท และคาดว่าจะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 3 เม.ย.2568 โดยหุ้น GULF จะเทรดวันสุดท้ายในวันที่ 20 มี.ค. และจะหยุดเทรดตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.-2 เม.ย.2568 เป็นเวลา 9 วันก่อนกลับมาเทรดอีกครั้งในชื่อบริษัทใหม่ และใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์เดิม “GULF”
ข้อดีของการควบรวมกิจการครั้งนี้ทำให้สถานะการเงินแข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากบริษัทใหม่จะถือหุ้นตรง 40.44% ใน AIS หรือ ADVANC ซึ่งจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นราว 3,500 ล้านบาท/ปี และรับรู้กระแสเงินสดมากขึ้นกว่า 6,000 ล้านบาท/ปี และ D/E Ratio คาดว่าจะลดลงมาเหลือ 0.8 เท่า จากเดิม 1.8 เท่า ซึ่งทำให้มีรูมในการต่อยอดธุรกิจได้มากขึ้น ทั้งธุรกิจพลังงาน ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน ธุรกิจดิจิทัลต่าง ๆ ในอนาคตเครดิตเรทติ้งของบริษัทใหม่ก็จะปรับขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ การควบรวมครั้่งนี้เป็นการกระจายความเสี่ยงด้านรายได้ ซึ่งคาดว่ากำไรในอนาคตประมาณ 60% จะมาจากธุรกิจพลังงาน และ 40% มาจากธุรกิจดิจิทัล ซึ่งรวมถึงการลงทุนใน AIS ด้วย เนื่องจาก GULF เป็น Growth Stock ขณะที่ AIS เป็น Dividend play หลังควบรวมบริษัทใหม่ก็สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรได้มากขึ้นใน AIS เพื่อนำมาต่อยอดธุรกิจได้ในอนาคต โดยรายได้ส่วนใหญ่ 80-90% ยังมาจากธุรกิจพลังงาน ซึ่งจะเน้นพลังงานสะอาด มีแผนเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในพอร์ต ปัจจุบันมีแค่ 10% ให้ได้มากกว่า 40% ภายในปี 2578 สอดล้องกับนโยบายของประเทศที่รัฐบาลกำหนดเป้าหมายที่จะผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดให้ได้มากกว่า 50% ภายในปี 2580 จากปัจจุบันที่มีแค่ 20% ช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้มาลงทุนไทย
สำหรับผลดำเนินงานในปี 2567 สามารถทำได้ตามแผน ทำให้เมกะวัตต์เติบโตขึ้น 2,680 MW ซึ่งเติบโตขึ้นจาก 12,440 MW เป็น 15,100 MW และปีที่ผ่านมาได้มีการเข้าไปซื้อโรงไฟฟ้าขยะ 12 โครงการ 120 MW เพื่อพัฒนาขยะอุตสาหกรรมร่วมกับทางพาร์ทเนอร์ และได้เข้าไปเซ็นสัญญาซื้อขายไฟกับทาง EGAT เพื่อดำเนินโรงไฟฟ้าพลังงานลมจำนวน 7 โครงการ เท่ากับ 499 MW ซึ่งจะ COD ในปี 2570-2573 สำหรับธุรกิจก๊าซ”หินกอง โฮลดิ้่ง”ก็ได้นำเข้า LNG 10 ลำ ประมาณ 660,000 ตันในปี 2567 นำมาใช้ในโรงไฟฟ้า HKP ซึ่งตรงนี้ทำให้บริษัทฯมีแผนที่จะเริ่มก่อสร้างสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG terminal) ในช่วงกลางปี 2568
นางสาวยุพาพิน กล่าวต่อว่า ปี 2568 บริษัทฯ คาดว่ารายได้จะเติบโตขึ้น 20-25% และตั้งงบลงทุนไว้ที่ 23,000 ล้านบาท โดย 70% จะลงทุนในพลังงานหมุนเวียนเป็นหลัก โดยในปี 2568 โครงการโรงไฟฟ้าของบริษัทฯ จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มอีกประมาณ 1,500 เมกะวัตต์ในปีนี้ ทำให้เมกกะวัตต์เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 16,000 MW จากเดิมราว 15,000 MW ประกอบด้วย โครงการ HKP หน่วยผลิตที่ 2 กำลังการผลิตติดตั้ง 770 เมกะวัตต์ ที่ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเรียบร้อยตามกำหนดในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (solar farms) และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (solar farms with battery energy storage systems) ภายในประเทศ ที่มีแผนเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มอีก 7 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 597 เมกะวัตต์ จะเปิดในพ.ย.-ธ.ค. 2568 และโครงการ solar rooftop ภายใต้ GULF1 คาดว่าจะดำเนินการจ่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าเพิ่มอีกประมาณ 100 เมกะวัตต์ ในปีนี้
ในส่วนของธุรกิจก๊าซ ในปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีแผนขยายการนำเข้า LNG เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 70 ลำ หรือประมาณ 4-5 ล้านตัน เพื่อนำมาใช้ IPP 5,000 MW และหินกองด้วย และมีแผนที่จะเริ่มก่อสร้างสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG terminal) ในช่วงกลางปีนี้ และคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในปี 2571
ธุรกิจศูนย์ข้อมูล (data center) มีแผนที่จะทยอยเปิดให้บริการเฟสแรกขนาด 25 MW ในเดือนเมษายนปีนี้ ซึ่งขณะนี้มีการจองเต็มแล้ว จึงมีแผนจะเปิดเฟส 2 อีก ไม่ต่ำกว่า 50 MW และธุรกิจ cloud ซึ่งบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ Google เพื่อให้บริการ Google Distributed Cloud air-gapped มีแผนเปิดให้บริการในช่วงกลางปี 2568
นายรัฐพล ชื่นสมจิตต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GULF กล่าวถึงกรณีภาครัฐเข้ามาแทรกแซงค่าไฟฟ้านั้น ว่า ถ้าดูพอร์ตโฟลิโอของบริษัทจะเป็น IPP กว่า 90% ขายให้ EGAT การที่รัฐเข้ามากำหนดราคาไฟฟ้าให้ประชาชนก็จะไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของบริษัท แต่จะมีส่วนที่กระทบคือ บริษัทฯขายไฟให้โรงงานอุตสาหกรรมแต่ก็มีสัดส่วนแค่ 6% ซึ่งเป็นแผนของบริษัทฯอยู่แล้วที่จะไม่พึ่งพาอะไรที่ไม่สามารถบริหารความเสี่ยงได้ จึงวาง SPP ทำขนาดไม่ใหญ่แค่ 120-135 MW เพื่อขายให้ EGAT 90 MW ที่เหลือก็ขายให้โรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งต่อโรงมี 30-40 MW เท่านั้น ทำให้ความเสี่ยงไม่มาก ทำให้พอร์ตโฟลิโอของ GULF ไม่ผกผันไปตามการแทรกแซงของภาครัฐฯ
———————————————————————————————————————————————————–

