ดาวโจนส์บวก 33 จุด หุ้นเทคโนโลยีฉุด Nasdaq ร่วงกว่า 1%

HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ปิดบวก 33 จุด หุ้นเทคโนโลยีฉุด Nasdaq ร่วงกว่า 1% กังวลความต้องการ AI  ทางด้านหุ้นยุโรปปรับตัวลง  ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่  24 ก.พ. 2568 ปิดที่ 43,461.21 จุด เพิ่มขึ้น 33.19 จุด หรือ +0.08% แต่ดัชนี Nasdaq ร่วงลงกว่า 1% จากแรงฉุดของหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความต้องการเทคโนโลยีที่รองรับปัญญาประดิษฐ์(AI) ขณะที่รอผลการดำเนินงานของ Nvidia

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,983.25 จุด ลดลง 29.88 จุด, -0.50%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,286.92 จุด ลดลง 237.08 จุด, -1.21%

ดัชนี S&P 500 ปิดลบเป็นวันที่สามติดต่อกันขณะที่เป็นการลดลงติดต่อกันเป็นครั้งที่สามของ ดัชนีNasdaq และเป็นการลดลงภายในวันเดียวครั้งที่สี่ที่มากกว่า 1% ในเดือนกุมภาพันธ์

นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความต้องการชิป AI ที่มีราคาแพงของ Nvidia ในอนาคต ขณะที่รอผลประกอบการรายไตรมาสในวันพุธ ความกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีจำนวนมหาศาลได้เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากโมเดล AI ราคาประหยัดจาก DeepSeek ของจีนได้เขย่าอุตสาหกรรมในเดือนมกราคม

ความไม่แน่นอนมีมากขึ้นเมื่อนักวิเคราะห์ของ TD Cowen ที่เผยแพร่บทวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ว่า Microsoft Corp ได้ยกเลิกสัญญาเช่าสำหรับความจุของศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปทานส่วนเกินของโครงสร้างพื้นฐาน AI

หุ้นของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ได้รับแรงกดดัน ส่งผลให้ Nasdaq ลดลง 3.1% เข้าสู่แดนลบในปี 2025 และฉุด S&P 500 มากที่สุด หุ้น Palantir Technologies ร่วงลง 10.5% หุ้นMicrosoft ลดลงราว 1% หุ้นBroadcom Inc ลดลง 4.9% หุ้น Amazon ลดลง 1.8%
Microsoft ระบุว่าแผนลงทุนกว่า 80,000 ล้านดอลลาร์ในด้าน AI และด้านคลาวด์ในปีบัญชีนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่อาจปรับจังหวะหรือปรับโครงสร้างพื้นฐานเชิงกลยุทธ์ในบางด้านจีน

โกลด์แมน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Cetera Investment Management กล่าวว่า ตลาดมีความกังวลอยู่แล้วและกำลังมองหาเหตุผลในการทำกำไร คำถามอะไรก็ตามที่ เกี่ยวกับ AI ถือเป็นเหตุผลในการทำกำไร เนื่องจากเทคโนโลยีได้ขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

นักลงทุนยังกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและการคาดการณ์ที่น่าผิดหวังจาก Walmart

นักลงทุนรอการรายงานดัชนีรายจ่ายการบริโภคส่วนบุคคล(Personal Consumption Expenditure index) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ให้ความสำคัญในวันศุกร์นี้ เพื่อประเมินจังหวะเวลาของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้
เครื่องมือ FedWatch ของกลุ่ม CME บ่งชี้ถึงความคาดการณ์ของเทรดเดอร์ว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยไว้จนถึงเดือนมิถุนายน ตาม
ความกังวลเรื่องสงครามการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กับคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ยังคงส่งผลต่อความเชื่อมั่น โดยทรัมป์กล่าวว่าการเก็บภาษีศุลกากรในแคนาดาและเม็กซิโกจะเดินหน้าหลังจากเส้นตายการเลื่อนระยะเวลาหนึ่งเดือนสิ้นสุดลงในสัปดาห์หน้า

หุ้น Apple เพิ่มขึ้น 0.7% หลังจากประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ในอีก 4 ปีข้างหน้า ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งโรงงานผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ในรัฐเท็กซัส

หุ้น Berkshire Hathaway พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในการซื้อขายช่วงเช้า หลังจากที่กลุ่มบริษัทของวอร์เรน บัฟเฟตต์ รายงานผลกำไรประจำปีสูงเป็นประวัติการณ์ และหุ้นคลาส B ของบริษัทก็ปิดบวกกว่า 4%

ทางด้านตลาดยุโรปปิดลบ หลังการเลือกตั้งเยอรมนีที่พรรคอนุรักษ์นิยมที่นำโดยฟรีดริช แมร์ซ ชนะการเลือกตั้ง
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 553.39 จุด ลดลง 0.46 จุด, -0.08%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,658.98 จุด ลดลง 0.39 จุด, -0.005%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,090.99 จุด ลดลง 63.52 จุด, -0.78%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,425.93 จุด เพิ่มขึ้น 138.37 จุด, +0.62%

Exit polls บ่งชี้ว่าพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียนแห่งเยอรมนี ที่เป็นพรรคอนุรักษ์นิยมและพรรคสหภาพสังคมคริสเตียนซึ่งเป็นพันธมิตร ได้รับคะแนนเสียง 28.5% ส่งผลให้ฟรีดริช เมิร์ซเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของเยอรมนี

พรรคขวาจัด AfD ได้คะแนนเป็นอันดับสองเป็นประวัติการณ์ในการเลือกตั้ง ทำให้แมร์ซจะต้องเจรจาจัดตั้งรัฐบาลผสม ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจของเยอรมนี ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในกลไกเศรษฐกิจของยุโรป กำลังปั่นป่วน และความกังวลด้านความปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้น หลังจากการเจรจาล่าสุดของฝ่ายบริหารของทรัมป์กับรัสเซียเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพยูเครน

นอกจากนี้ยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการปฏิรูปหนี้สิน ซึ่งจำกัดการขาดดุลงบประมาณไว้ที่ 0.35% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เนื่องจากพรรค AfD และพรรคฝ่ายซ้ายรวมกันได้จำนวนที่นั่งเพียงพอที่จะไม่เห็นด้วย

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีอายุ 10 ปี ปรับขึ้นมาที่ 2.48%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และหุ้นกลุ่มการเงินลดลกว่า 1.2% และเป็นกลุ่มที่ฉุดตลาด

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมลดลง 1% โดยหุ้น Schneider Electric ผู้ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า ลดลง 6.9%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.43% ปิดที่ 70.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 35 เซนต์ หรือ 0.47% ปิดที่ 74.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
———————————————————————————————————————————————————–