HLชูโมเดลธุรกิจหนุนกำไรทุกความท้าทาย เร่งเพิ่มช่องทางขาย ออกสินค้านวัตกรรม

HoonSmart.com>>”เฮลท์ลีด” (HL) วางกลยุทธ์ล้ำหน้า เพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายผ่านขยายสาขา เป้า 100 แห่ง ร่วมพันธมิตร  โรงพยาบาลรามาธิบดี ห้างพาราไดซ์พาร์ค บริการ สปสช. ศึกษาเปิดแฟรนไชส์ เสนอขายสินค้าที่มีนวัตกรรม มาร์จิ้นสูง  รายได้ของสาขาเดิมดีขึ้น ไม่มีหนี้ มีเงินสดเต็มมือ หนุนกำไรโตยั่งยืน 

นาย ธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮลท์ลีด (HL) หนึ่งในผู้นำธุรกิจร้านขายยาเปิดเผยว่า บริษัทมีนโยบายในการปรับตัวล่วงหน้า เพื่อรองรับทุกสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และมั่นใจว่าโมเดลธุรกิจจะสร้างกำไรเติบโตที่ยั่งยืน ทั้งการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ผ่านการเปิดสาขาใหม่ปีนี้ 20 สาขาเป็น 70 บริษัท เพื่อให้บรลุเป้าหมาย 100 สาขา ก่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาดหรือ Economies of scale พร้อมเพิ่มพันธมิตร อาทิ โรงพยาบาลรามาธิบดี ห้างพาราไดซ์พาร์คและร่วมบริการกับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)ให้มารับยา และซื้อยาที่ร้าน ขณะเดียวกันกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการเปิดแฟรนไชส์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ช่วงแรกจะทดลองเปิดจังหวัดละ 3 สาขา เพื่อสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่า รวมถึงการวิจัยและพัฒนาสินค้าที่มีนวัตกรรม เพิ่มยอดขายและอัตรากำไร (มาร์จิ้น) สร้างการเติบโตแข็งแกร่งระยะยาว

สำหรับการขยายสาขาแต่ละแห่ง บริษัทใช้พื้นที่จากการเช่า มีการลงทุนประมาณ 6 ล้านบาท แบ่งเป็นเรื่องของการตกแต่ง 3-5 ล้านบาท พร้อมใส่สินค้ายา อาหารเสริมและอุปกรณ์การแพทย์ จำนวน 1 หมื่นรายการ เป็นเงินประมาณ 3 ล้านบาท เพื่อให้บริการครบวงจร ขายในราคาที่ไม่สูง แข่งขันได้กับร้านขายยาที่ตั้งอยู่หน้าโรงพยาบาลขนาดใหญ่ คาดสาขาแต่ละแห่งใช้เวลา 6 เดือนถึง 1 ปี มีรายได้เพียงพอที่จะเลี้ยงตัวเอง จะให้คุ้มทุนใช้เวลา 2 ปีครึ่ง  ปัจจุบันยอดขายของสาขาเดิมจะพลิกกลับมาเป็นบวก หลังจากที่ปีที่ผ่านมาติดลบ ทำให้ผลการดำเนินงานปีนี้ดีขึ้นมาก

นอกจากนี้บริษัทยังมีการวิจัยและพัฒนาสินค้าที่ใช้นวัตกรรมสูงอยู่นับ 10 รายการ ปัจจุบันเริ่มวางตลาดสเปรย์สลายกลิ่นอเนกประสงค์  วิตามินที่ดูดซับดีขึ้น และอาหารเสริม  ซึ่งสินค้าเหล่านี้มีมาร์จิ้นสูง ช่วยเพิ่มมาร์จิ้นโดยรวมมากขึ้น

ปัจจุบันธุรกิจยา อาหารเสริม และอุปกรณ์การแพทย์ ยังมีโอกาสเติบโตได้มาก ในภาวะสังคมผู้สูงอายุ ท่ามกลางภาวะตลาดที่มีผู้เล่นรายใหญ่ไม่กี่ราย โดย HL ติดอันดับ 1 ใน 3 ของบริษัทที่มีรายได้สูงกว่า 1,000 ล้านบาท/ปี  แม้ว่าจะมีบริษัทขนาดใหญ่ เช่น กลุ่มบริษัทปตท.(PTT) และกลุ่มบริษัทปูนซิเมนต์ไทย ( SCC) เข้ามาเล่นก็ตาม แต่เป็นคนละตลาดกับบริษัท ส่วนร้านขายยาทั่วไป จะมีค่าใช้จ่ายสูง ไม่เพียงการมีสินค้าหลายรายการในการให้บริการแก่ลูกค้า  การมีเภสัชกรประจำที่ร้าน มีค่าใช้จ่ายเดือนละ 40,000 บาท

นอกจากนี้บริษัทฯยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีเงินสดในมือ 600-700 ล้านบาท ไม่มีเงินกู้จากสถาบันการเงิน หลังจากได้ชำระคืนเงินกู้ทั้งหมดในไตรมาส 2/2565 ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำ 0.39 เท่า

ด้านผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 HL มีกำไรสุทธิ 44.98 ล้านบาท เท่ากับกำไรต่อห้น 0.17 บาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 84.21 ล้านบาทหรือ 0.31 บาทต่อหุ้น