ดาวโจนส์ดิ่ง 748 จุด วิตกเศรษฐกิจซบ-ภาษีศุลกากรของทรัมป์

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐทั้งสามแห่งร่วงลงแรง ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง  748 จุด วิตกเศรษฐกิจซบ ภาษีศุลกากรของทรัมป์  นักลงทุนหันไปลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ  อัตราผลตอบแทนพันธบัตรร่วงลง  ด้านตลาดหุ้นยุโรป ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 21 ก.พ.2568 ปิดที่ 43,428.02 จุด ลดลง 748.63 จุด หรือ -1.69% ด้วยแรงเทขาย หลังข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด ทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจว่าจะชะลอตัวและอัตราเงินเฟ้อไม่ลดลงจึงหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,013.13 จุด ลดลง 104.39 จุด, -1.71%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,524.01 จุด ลดลง 438.36 จุด, -2.20%

ตลาดได้รับแรงกดดันจากรายงานเศรษฐกิจที่ซบเซา และกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอีก ตลอดจนยังมีความกังวลว่าอุปสงค์ของผู้บริโภคจะชะลอตัวลง

ทั้งสามดัชนีหลักร่วงลงแรงหลังจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจ และร่วงลงต่อเนื่องในการซื้อขายช่วงบ่าย โดยดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงภายวันเดียวมากสุดของปี 2025 เมื่อรวมกับที่ปรับลงในวันก่อนก็ลดลงแล้ว 1,200 จุด ส่วนดัชนี S&P500 ร่วงลงมากที่สุดในวันเดียวนับตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม

ในรอบสัปดาห์นี้ ทั้งสามดัชนีหลักติดลบ ดัชนี S&P 500 ลดลงราว 1.7% ส่วนดัชนีดาวโจนส์และดัชนี Nasdaq ต่างลดลง 2.5%

ตลาดยิ่งร่วงหนักในช่วงปิดตลาดเนื่องจากนักลงทุนกลัวที่จะมีสถานะ long (ซื้อ) จนถึงสุดสัปดาห์ที่อาจมีข่าวใหญ่จากฝ่ายบริหารของทรัมป์อีกครั้ง หลังจากเสนอให้มีการเก็บภาษีศุลกากรหลายชุดและเปลี่ยนแปลงนโยบายอื่นที่มีผลต่อตลาด นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว

ข้อมูลจำนวนมากทำให้เกิดความกังวลใหม่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ และทำให้นักลงทุนเข้าลงทุนในพันธบัตรส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรร่วงลง โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนลดลงเหลือ 64.7 ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งลดลงเกือบ 10% และลดลงมากกว่า 67.8 ที่นักวิเคราะห์คาด เนื่องจากผู้บริโภคกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นก่อนการเก็บภาษี ผู้บริโภคคาดการณ์แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในช่วง 5 ปีที่ 3.5% ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1995

นอกจากนี้ ยอดขายบ้านที่มีอยู่ในสหรัฐฯ ยังลดลงมากกว่าที่คาดเมื่อเดือนที่แล้วเหลือ 4.08 ล้านยูนิต ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ ก็ลดลงมาสู่การหดตัวในเดือนกุมภาพันธ์เช่นกัน ตามรายงานของ S&P Global ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนกุมภาพันธ์ลดลงมาที่ 50.4 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือน จาก 52.7 ในเดือนมกราคม ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น เพิ่มขึ้นมาที่ 51.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน จาก 51.2 ในเดือนมกราคม

ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น ลดลงมาที่ 49.7 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 25 เดือน จาก 52.9 ในเดือนมกราคม โดยดัชนี PMI ที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการอยู่ในภาวะหดตัว

หุ้น Walmart ลดลง 2.5% เป็นการปรับลงวันที่สองหลังเปิดเผยคาดการณ์ผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาด รวมทั้งแนวโน้มผู้บริโภคและเศรษฐกิจที่ไม่สดใส

เกร็ก บาซซัค ซีอีโอของ AXS Investments กล่าวว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ภาษีศุลกากร และรายได้ของบริษัท AI และเทคโนโลยีเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อทิศทางของตลาด นอกจากนี้ความไม่แน่นอนเป็นประเด็นใหม่ของนักลงทุนจึงมีผลเกิดความผันผวนในสัปดาห์นี้ และน่าจะต่อเนื่องอย่างน้อยจนถึงสิ้นไตรมาสแรกนี้

ดัชนีความผันผวนของตลาด (CBOE Volatility Index) ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์

ในสัปดาห์นี้ ประธานาธิบดี ทรัมป์ กล่าวว่า จะประกาศอัตราภาษีศุลกากรใหม่ครอบคลุมไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ในเร็วๆ นี้ นอกเหนือจากแผนที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ในการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และเภสัชภัณฑ์

ลาร์รี เทนทาเรลลี หัวหน้านักกลยุทธ์ทางเทคนิคและผู้ก่อตั้ง Blue Chip Daily Trend Report กล่าวว่า กลุ่มที่ปรับขึ้น 20 อันดับแรกใน S&P 500 ล้วนเป็นกลุ่ม defensive sector(กลุ่มที่ไม่ผันผวนไปกับภาวะเศรษฐกิจ) ทั้ง สินค้าอุปโภคบริโภค สาธารณูปโภค และการดูแลสุขภาพ นักลงทุนมักจะหมุนเวียนเข้าสู่กลุ่ม defensive เหล่านี้ เมื่อมีความกังวลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

กลุ่มหุ้นเทคโนโลยีใหญ่ ลดลง 2.9% และหุ้นทั้งหมดในกลุ่ม Magnificent Seven ปิดตลาดในแดนลบ หุ้นยอดนิยมของนักลงทุนทั้ง Nvidiaและ Palantir ร่วงลงแรง นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัยแบบดั้งเดิม

หุ้น Procter & Gamble บวก 1.8% หุ้น General Mills และหุ้น Kraft Heinz ต่างเพิ่มขึ้นกว่า 3%
หุ้น Tesla และหุ้น Rivian ต่างลดลง 4.7% หลังประกาศเรียกรถคืน

ตลาดยุโรปปิดบวกใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์นานที่สุดในรอบเกือบหนึ่งปี ขณะที่ดัชนี DAX ของเยอรมนีดิ่งลงเนื่องจากนักลงทุนเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในวันอาทิตย์นี้

ดัชนี STOXX 600 ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งสัปดาห์เมื่อวันพฤหัสบดี และปิดตลาดสัปดาห์นี้บวก 0.2% โดยทำสถิติเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 9 ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นยาวนานที่สุดตั้งแต่เดือนมีนาคม 2024

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 553.85 จุด เพิ่มขึ้น 2.84 จุด, +0.52%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,659.37 จุด ลดลง3.60 จุด, -0.04%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,154.51 จุด เพิ่มขึ้น 31.93 จุด, +0.39%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,287.56 จุด ลดลง 27.09 จุด, -0.12%

หุ้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพอยู่ในกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นอันดับต้นๆ ของดัชนี หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ ระบุว่าไม่มีการขาดแคลนยาลดน้ำหนัก Wegovy และเบาหวาน Ozempic ยอดนิยมของ Novo Nordisk อีกต่อไป ราคาหุ้น เพิ่มขึ้น 5.8%

ตลอดทั้งสัปดาห์ นักลงทุนยังคงระมัดระวัง โดยประเมินผลกระทบจากมาตรการด้านภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ข้อตกลงสันติภาพที่อาจเกิดขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครน และความจำเป็นในการเพิ่มการใช้จ่ายทางทหารในประเทศของยุโรป

นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งในเยอรมนีในวันอาทิตย์ ซึ่งอาจส่งผลให้มีการจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือผลการเลือกตั้งที่คะแนนเสียงไม่ชี้ขาด ซึ่งจะนำไปสู่การเจรจาการจัดตั้งรัฐบาลที่ใช้เวลานานและเกิดภาวะชะงักงันทางการเมือง

ในเยอรมนี ข้อมูลแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางธุรกิจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนกุมภาพันธ์ แม้ว่าในวงกว้าง กิจกรรมทางธุรกิจในยูโรโซนซบเซา
หุ้น Standard Chartered ของสหราชอาณาจักร เพิ่มขึ้น 3.7% หลังจากที่ประกาศการซื้อหุ้นคืนใหม่มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ หลังจากรายงานผลกำไรประจำปีเพิ่มขึ้น 18%

กลุ่มธนาคาร เพิ่มขึ้น 1% และเป็นกลุ่มที่โดดเด่นประจำสัปดาห์ และมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นรายสัปดาห์ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 9 ซึ่งถือเป็นสถิติที่ยาวที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 1997

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคมลดลง 2.08 ดอลลาร์ หรือ -2.87% ปิดที่ 70.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเมษายนลดลง 2.05 ดอลลาร์ หรือ -2.68% ปิดที่ 74.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
———————————————————————————————————————————————————–