“อเบอร์ดีน”คาด EPS โต 7% P/E 14.4 เท่าต่ำสุดรอบ 10 ปี

HoonSmart.com>>”อเบอร์ดีน”คาดตลาดหุ้นไทยปี’67 ฟื้นตัว มองกำไรบริษัทจดทะเบียน โต 7% ต่ำกว่า consensus ที่มอง 11.1% ด้านอัตราส่วนราคาหุ้น ต่อกำไรต่อหุ้น มองที่ 14.4 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่า ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีสะท้อนถึงระดับราคาที่น่าดึงดูดใจ แนะเลือกลงทุนกลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มธุรกิจสุขภาพ และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการกระจายฐานการผลิตของบริษัททั่วโลก

อเบอร์ดีน มองว่าภาพรวมการลงทุนหุ้นไทยปี 2567 มีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัย สนับสนุน ดังนี้

เศรษฐกิจไทยปีนี้ยังขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งไทยเป็นเพียงไม่กี่ประเทศที่เศรษฐกิจในปี 2567 จะเติบโต เพิ่มจากปี 2566 โดย House view ของอเบอร์ดีนคาดการณ์จีดีพีปีนี้จะขยายตัว 3.2% จากปีที่ผ่านมาที่ขยายตัว 2.5% (ที่มา: abrdn, ข้อมูล มกราคม 2024) ภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นแรงขับเคลื่อน หลักของเศรษฐกิจไทย โดยเราคาดการณ์นักท่องเที่ยวปีนี้จะแตะ 33-35 ล้านคน ซึ่งจะคิดเป็นประมาณ 82.5-87.5% ของจำนวนนักท่องเที่ยวก่อนเกิดการระบาดโควิด

ขณะที่การลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนปีนี้จะเติบโตดีกว่าปีที่แล้ว รวมถึงภาคการส่งออกที่เราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้น ตัวกลับมาเป็นบวกนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2566 และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปีนี้

กำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS growth) ไทยปี 2567 จะกลับมาเติบโต โดยคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (consensus) มอง EPS growth ปีนี้จะเติบโต 11.1% จากปีก่อนที่ติดลบ -7.6%

ในขณะที่ House view ของอเบอร์ดีนคาดการณ์ EPS growth ปีนี้จะเติบโต 7% เนื่องจากคาดว่าตลาด หุ้นไทยยังเผชิญความเสี่ยงขาลง (downside risk) อยู่บ้าง อีกทั้งเศรษฐกิจโลกชะลอตัวกระทบหุ้นกลุ่มวัฏจักร (cyclical sector) เช่น กลุ่มพลังงาน กลุ่มปิโตรเคมี เป็นต้น ประกอบกับนโยบาย กระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ยังคงล่าช้าซึ่งกระทบต่อการบริโภคภายในประเทศให้ยังคงชะลอตัว

การประเมินมูลค่าหุ้น (Valuation) ตลาดหุ้นไทยปีนยังน่าดึงดูดใจ โดยคาดการณ์อัตราส่วนราคาหุ้น ต่อกำไรต่อหุ้น (Forward P/E) ของตลาดหุ้นไทยปี 2567 อยู่ที่ 14.4 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่า ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีสะท้อนถึงระดับราคาที่น่าดึงดูดใจ

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) อยู่ในช่วงขาขึ้น โดยไทยได้รับอานิสงส์จากเทรนด์ที่บริษัททั่วโลกหันมากระจายห่วงโซ่อุปทาน (global supply chain diversification) ทั้งในกลุ่มธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์เครื่องใช้ไฟฟ้ายานยนต์ซึ่งส่งผลดีต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมโดยตรง

น.ส.ดรุณรัตน์ ภิยโยดิลกชัย Head of Equities – Thailand, บลจ.อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) มองว่า ปีนี้เป็นจังหวะที่จะเข้าลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยกำลังพลิกฟื้น แม้ปี 2567 EPS growth โดยรวมจะดูไม่สูงมาก แต่มองว่ายังมีหลายกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะเติบโตได้มากกว่าตลาด เช่น กลุ่มธุรกิจพาณิชย์ กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ และกลุ่มโรงแรม

ด้วยกลยุทธ์ การลงทุนของอเบอร์ดีนที่เป็นแบบเชิงรุก จะเฟ้นหาหุ้นที่มีโอกาสเติบโตโดดเด่นกว่าตลาด ลงทุนในบริษัทที่สามารถสร้างผลกำไรที่ดีมีงบการเงินที่แข็งแกร่ง รวมถึงมี valuation ที่น่าดึงดูดใจ

“เรายังคงชอบหุ้นที่จะะได้ประโยชน์จากการเติบโตเชิงโครงสร้างในประเทศไทย เช่น กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มธุรกิจสุขภาพ (health and wellness) และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการกระจายฐานการผลิตของบริษัททั่วโลก” น.ส.ดรุณรัตน์ กล่าว

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม
โครงการดิจิทัลวอลเล็ตของภาครัฐจะสามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้สำเร็จหรือไม่ ซึ่งยังคงมีความไม่แน่นอนและอาจล่าช้าไปกว่าเดือนพ.ค.ที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ซึ่งหาก โครงการดังกล่าวรัฐบาลสามารถผลักดันได้สำเร็จก็จะส่งผลดีต่อการบริโภคในประเทศให้ฟื้นตัวดีขึ้น โดยคาดการณ์ว่าโครงการนี้สามารถผลักดัน GDP ให้เติบโตได้อีก 0.5% แต่ก็จะส่งผลให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีของไทยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

แต่หากโครงการนี้ไม่เกิดขึ้น เรามองว่ามีโอกาสที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 หากธนาคารกลางประเทศ
หลักๆ อย่าง สหรัฐฯ และยุโรปปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ในระดับต่ำซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจและกำไรของบริษัทจดทะเบียน อีกทั้งยังเพิ่มความน่าสนใจให้กับตลาดหุ้นไทยอีกด้วยล

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำลงทุนในกองทุนที่มีกลยุทธ์แบบเชิงรุก (Active Fund) เน้นลงทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กในไทยที่มีศักยภาพเติบโตสูง โดยใช้จังหวะนี้เก็บหุ้นราคาถูกที่มีคุณภาพ มีโอกาสการเติบโตของกำไรที่สูงกว่าตลาดเข้าพอร์ตการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (alpha) ให้กับนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง