CMC ปลอบหุ้นต่ำจองตามภาวะไอพีโอขาลง ย้ำเจ้าของไม่ขายหุ้น

“วิเชียร” บิ๊ก CMC ชี้ หุ้นต่ำจองตามภาวะตลาด IPO ขาลง อสังหา ฯ ไร้ปัจจัยบวก ปลอบนักลงทุน ผู้ถือหุ้นเดิม ไม่ขายหุ้น มั่นใจบริษัทเติบโตต่อเนื่อง ศักยภาพแก่รง เตรียมพัฒนา 10 โครงการภายใน 4 ปี

นายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าพระยามหานคร ( CMC ) กล่าวว่า หุ้น CMC ซื้อขายวันแรกเปิดตลาดต่ำกว่าราคาจองซื้อ 3 บาท เป็นไปตามภาวะตลาดรวม และหุ้น IPO เป็นขาลง รวมทั้งปัจจัยเชิงลบที่มีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ เช่น หลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย กำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำ หรือ อัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ใหม่ ที่จะเริ่มใช้ 1 เม.ย. 62 ทำให้เกิดความกังวล

สำหรับปี 2562 ตั้งเป้ายอดโอน 8 พันล้านบาท จากการเปิดโครงการใหม่ ตามแผนเปิด 10 โครงการ มูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท ส่วนปี 2561 มั่นใจทำได้ตามเป้าหมาย 2 พันล้านบาท ปัจจุบัน มียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ 1,000 ล้านบาท กระตุ้นรายได้เติบโตมากกว่า 10 %

” กลุ่มผู้บริหาร ได้นำหุ้นเดิม ติดไซเลนท์พีเรียดเต็มโควตา 55% และยืนยันจะไม่ขายหุ้นในส่วนที่ไม่ติดไซเลนท์พีเรียด เพราะมั่นใจ พื้นฐานดี มีศักยภาพที่แข็งแกร่ง จะเป็นหุ้นที่เติบโตต่อเนื่องในอนาคต ให้ผลตอบแทนที่ดี ปี 2562 มั่นใจผลประกอบการเติบโต จากการรับรู้รายได้ของโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมโอน และโครงการระหว่างก่อสร้างมูลค่ากว่า 5,538 ล้านบาท คาดยอดขายปีนี้และปีหน้ายังเติบโตต่อเนื่อง” นพ.วิเชียร์ กล่าว

นพ.วิเชียร กล่าวถึง เก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ เริ่มใช้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. 63 ประเมินว่าไม่ส่งผลกระทบ เนื่องจาก บริษัทมีนโยบายนำที่ดินใช้พัฒนาโครงการทันทีโดยไม่เก็บไว้นาน และการจัดเก็บภาษี อาจทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% แต่ราคาที่ดินมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงไม่ส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นของบริษัท

ทั้งนี้ CMC ประสบความสำเร็จ ในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยมากว่า 24 ปี มีการดำเนินการที่ครบวงจรครอบคลุมถึงงานก่อสร้าง การผลิตวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างต่าง ๆ อาทิ แผ่นอาคารสำเร็จรูปภายนอก เฟรมกระจกและประตูอลูมิเนียม และผนังอาคารภายใน EPS การผลิตเฟอร์นิเจอร์บิลด์อิน และการจัดหาอุปกรณ์เพื่อใช้และสร้างมูลค่าเพิ่มในโครงการ ทำให้สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับประมาณ 40% ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา

ด้านราคาหุ้น CMC เปิดที่ 2.62 บาท ต่ำจอง 0.38 บาท หรือ 12.67 % สูงสุด 2.64 บาท แรงขายที่มีออกมาต่อเนื่อง กดราคาลงต่ำสุด 2.24 บาท แรงซื้อที่มีเข้ามาช่วงท้ายตลาดดันราคาขยับปิด 2.36 บาท ลดลง 0.64 บาท หรือ 21.33 % ปริมาณหุ้นซื้อขาย 257.58 ล้านบาท มูลค่าซื้อขาย 630.62 ล้านบาท ทั้งนี้หุ้น IPO เสนอขายจำนวน 250 ล้านหุ้น