HoonSmart.com>>หุ้นสหรัฐร่วงลงแรง ดาวโจนส์ปิดร่วง 450 จุด วิตกผลประกอบการ Walmart คาดกำไรโตน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจ ฉุดหุ้นค้าปลีกลงตาม ด้านหุ้นยุโรปปิดติดลบต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ ส่วนราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 20 ก.พ. 2568 ปิดที่ 44,176.65 จุด ลดลง 450.94 จุด หรือ -1.01% จากความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากร และนักลงทุนเทขายหุ้นยอดนิยมบางส่วน จากความเชื่อมั่นที่ได้รับผลกระทบหลังจากการคาดการณ์ที่ไม่ค่อยสดใสจาก Walmart ยักษ์ใหญ่ด้านการค้าปลีก ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของเศรษฐกิจ
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,117.52 จุด ลดลง 26.63 จุด, -0.43%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,962.36 จุด ลดลง 93.89 จุด, -0.47%
หุ้น Walmart ลดลง 6.5% หลังจากที่บริษัทคาดว่ายอดขายในปีบัญชีจะเติบโตระหว่าง 3% ถึง 4% แนวโน้มกำไรของบริษัทในปีบัญชี 2026 ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ การคาดการณ์แนวโน้มที่ไม่สดใสบดบังผลประกอบการไตรมาสสี่ในปีบัญชีที่สูงกว่าประมาณการ
ทอม ฟิตซ์แพทริก กรรมการผู้จัดการของ R.J. O’Brien & Associates กล่าวว่า หาก Walmart เผยคาดการณ์ที่ไม่ดี ก็ควรให้ความสนใจ เพราะบางทีอาจเป็นการบ่งบอกว่าผู้บริโภคทั่วไปหมดเงิน
โรเบิร์ต พาฟลิค ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโออาวุโสของ Dakota Wealth กล่าวว่า การที่ผู้บริโภคขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐฯถึง 70% การคาดการณ์ผลการดำเนินงานของ Walmartที่อ่อนแอทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสถานะและการใช้จ่ายของผู้บริโภคในอนาคต ซึ่งนำไปสู่แรงกดดันในการขายหุ้นของ Walmart และขยายวงไปทั่วตลาดโดยรวม
หุ้นค้าปลีกรายใหญ่รายอื่น ทั้ง Target และ Costco Wholesale ลดลง 2.0% และ 2.6% ตามลำดับ
การคาดการณ์ผลกำไรที่ไม่สดใสของ Walmart ยังสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของบริษัทต่อแนวโน้มธุรกิจในระยะต่อไป ภายใต้มาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งล่าสุดเมื่อวันพุธ ได้ประกาศขยายการเรียกเก็บภาษีนำเข้าให้ครอบคลุมไม้แปรรูป รถยนต์ ยา และเซมิคอนดักเตอร์
ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด รวมถึงการขอรับสวัสดิการว่างงานและกิจกรรมโรงงานในภูมิภาคแอตแลนติก ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่งในขณะนี้ ซึ่งสอดคล้องกับความคิดเห็นล่าสุดของผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)
กระทรวงแรงงานรายงานจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 5,000 ราย มาที่ 219,000 ราย สูงกว่า 215,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด
เฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 26.2 จุด มาที่ 18.1 แต่ดัชนีมีค่าเป็นบวก ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกยังคงมีการขยายตัว
แต่นักเศรษฐศาสตร์บางส่วนกลัวว่าตลาดแรงงานอาจหยุดชะงักได้ เนื่องจากพนักงานของรัฐบาลกลางหลายพันคนถูกไล่ออกโดยกระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล (DOGE) ที่อีลอน มัสก์ รับผิดชอบ
หุ้น Palantir Technologies ซึ่งให้บริการแก่รัฐบาลในด้านต่างๆ เช่น ซอฟต์แวร์สำหรับกองทัพ ลดลง 5.2% หลังจากเลกระทรวงกลาโหมประกาศเมื่อวันพุธว่ากำลังพิจารณาลดงบประมาณในปีงบประมาณ 2026
หุ้น Alibaba Group ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 8.1% จากรายรับในไตรมาสสามดีกว่าคาด
ทางด้านตลาดยุโรปปิดลบที่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ นักลงทุนประเมินการคาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่ต่างกัน ขณะที่จับตาการเลือกตั้งของเยอรมนีที่มีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางการเมืองของประเทศ
กลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศนำการปรับลงด้วยการลดลง 2.8% จากเพิ่มขึ้นกว่า 4% เมื่อต้นสัปดาห์จากความคาดหวังว่าจะมีการกู้ยืมเงินของรัฐบาลเพิ่มขึ้นเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายด้านกลาโหม
รายงานผลประกอบการรายไตรมาสออกมามากขึ้น โดย Airbus แจ้งว่ามีความท้าทายด้านการผลิตในระยะสั้น และยืนยันความล่าช้าในเครื่องบินขนส่งสินค้า A350 ส่งผลให้ราคาหุ้นลดลง 2.3%
หุ้น Mercedes-Benz ลด 2.5% หลังคาดการณ์ว่า ผลกำไรในปี 2025 จะลดลงอย่างมาก ขณะที่หุ้น Renault รายงานกำไรจากการดำเนินงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2024 แต่เตือนว่ามาตรฐานการปล่อยคาร์บอนใหม่ของสหภาพยุโรป (EU) อาจกระทบอัตรากำไร ทำให้ราคาหุ้นลดลง 4%
ตลาดหุ้นเยอรมนีลดลง 0.5% ขณะที่นักลงทุนรอผลการเลือกตั้งในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ นี้ หลังจากรัฐบาลผสม 3 พรรคของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ล่มสลาย
ฟรานซิสกา พัลมาส นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสด้านยุโรปจาก Capital Economics กล่าวว่า “รัฐบาลเยอรมนีชุดใหม่มีแนวโน้มจะปรับลดภาษี
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 551.01 จุด ลดลง 1.09, -0.20%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,662.97 จุด ลดลง 49.56 จุด, -0.57%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,122.58 จุด เพิ่มขึ้น 12.04 จุด, +0.15%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,314.65 จุด ลดลง 118.98 จุด, -0.53%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.44% ปิดที่ 72.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ หรือ 0.58% ปิดที่ 76.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

