HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 10 จุด ด้าน S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนมองข้ามความท้าทายจากการค้าโลกและภาวะเงินเฟ้อจับตารายงานประชุมธนาคารกลางสหรัฐ ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับเพิ่มขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดนิวไฮ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 18กุมภาพันธ์ 2568 ปิดที่ 44,556.34 จุด เพิ่มขึ้น 10.26 จุด หรือ +0.02% แต่ S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนมองข้ามความท้าทายจากการค้าโลกและภาวะเงินเฟ้อ และหันไปจับตารายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ขณะที่ฤดูกาลผลประกอบการกำลังจะสิ้นสุดลง
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,129.58 จุด เพิ่มขึ้น 14.95 จุด, +0.24%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,041.26 จุด เพิ่มขึ้น 14.49 จุด, +0.07%
ทั้งสามดัชนีหลักแกว่งไปมาระหว่างแดนบวกกับแดนลบ แต่พลิกกลับมาเป็นบวกได้ในนาทีสุดท้ายก่อนปิดตลาด แต่บรรยากาศการซื้อขายค่อนข้างซบเซา หลังจากตลาดปิดทำการในวันจันทร์.เนื่องในวันประธานาธิบดีสหรัฐฯ
กลุ่มพลังงานเป็นกลุ่มที่มีผลงานดีที่สุดใน S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.9% โดยหุ้น Halliburton และ Valero Energy ขึ้นนำ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีก็ปรับขึ้นเช่นกัน แต่กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยลดลงประมาณ 1% และกลุ่มบริการด้านการสื่อสารลดลง 1.2% มีผลกระทบต่อตลาดในวงกว้าง
หุ้น Meta Platforms ลดลง 2.7% และปรับขึ้นติดต่อกัน 20 วัน
คริส ลาร์กิน กรรมการผู้จัดการฝ่ายการค้าและการลงทุนของ E-Trade จาก Morgan Stanley กล่าวว่า สัปดาห์นี้เป็นการเริ่มต้นการรายงานผลประกอบการของกลุ่มค้าปลีก แต่ข่าวจากวอชิงตัน โดยเฉพาะในด้านภาษี อาจยังคงเป็นประเด็นสำหรับตลาด
ไรอัน เดทริก หัวหน้าฝ่ายกลยุมธ์การตลาดของ Carson Group กล่าวว่า นักลงทุนจับตารายงานการประชุมของเฟด ซึ่งจะเผยแพร่ในวันพรุ่งนี้ และการรายงานผลการดำเนินงานของกลุ่มค้าปลีกจะออกมาในปลายสัปดาห์นี้
ในวันพุธ เฟด คาดว่าจะเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายเดือนมกราคม ซึ่งกรรมการที่มีสิทธิออกเสียงเลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยท่ามกลางสัญญาณของการฟื้นตัวของอัตราเงินเฟ้อ รวมถึงผลกระทบที่ยังไม่แน่ชัดจากอัตราภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีทรัมป์
ความเห็นจากผู้กำหนดนโยบายของเฟด ส่วนใหญ่ออกมาในแนวเดียวกัน โดยทั้งประธานเฟดฟิลาเดลเฟีย แพทริค ฮาร์เกอร์ ผู้ว่าการมิเชลล์ โบว์แมน และคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ กล่าวว่าพวกเขาเชื่อว่าความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ทำให้ต้องคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้
ด้านแมรี ดาลี ประธานเฟดซานฟรานซิสโก ย้ำว่าการหยุดปรับลดอัตราดอกเบี้ยชั่วคราวมีความเหมาะสม จนกว่าจะมีความคืบหน้าที่ชัดเจนมากขึ้นในการลดอัตราเงินเฟ้อให้เหลือเป้าหมาย 2% ของเฟด
นักลงทุนรอรายงานการประชุมเพื่อหาสัญญานเกี่ยวกับเส้นทางข้างหน้าของเฟด หลังจากข้อมูลล่าสุด แสดงให้เห็นว่ามีแรงกดดันด้านราคา ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง และยอดค้าปลีกที่
อ่อนแอกว่าที่คาดไว้
ฤดูผลประกอบการของไตรมาสที่สี่มาถึงช่วงโค้งสุดท้าย โดย ณ วันศุกร์มีบริษัท 383 แห่งใน S&P 500 รายงานแล้ว ในจำนวนนั้น 74% รายงานผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาด ตามข้อมูล LSEG
นักวิเคราะห์มองว่ากำไรสุทธิของ S&P 500 ในไตรมาสที่สี่จะเติบโต 15.3% เมื่อเทียบรายปี เพิ่มขึ้นจากประมาณการ 9.6% ณ วันที่ 1 มกราคม
หุ้น Intel ผู้ผลิตชิปพุ่งขึ้น 16.1% หลังจากรายงานเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาระบุว่าคู่แข่ง Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. และ Broadcom (NASDAQ:AVGO) กำลังพิจารณาข้อตกลงที่อาจแยกบริษัทออกเป็นสองส่วน
หุ้น Constellation Brands เพิ่มขึ้น 4.0% หลังจากที่ Berkshire Hathaway ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ เปิดเผยการลงทุนใหม่ในบริษัทเมื่อวันศุกร์
ตลาดยุโรปปิดบวก และทำสถิติสูงสุด โดยหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเป็นกลุ่มที่ปรับขึ้นมากสุด เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการใช้จ่ายทางการทหารในประเทศจะเพิ่มขึ้น ท่ามกลางการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 557.17 จุด เพิ่มขึ้น 1.75 จุด, +0.32%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,766.73 จุด ลดลง 1.28 จุด, -0.01%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,206.56 จุด เพิ่มขึ้น 17.43 จุด, +0.21%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,844.50 จุด เพิ่มขึ้น 46.41 จุด, +0.20%
ดัชนีหุ้นหลักของเยอรมนีเพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ระดับ all-time high
หุ้น midcap ของเยอรมนีก็ขยับขึ้น 0.5% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023 ก่อนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น
สหรัฐฯ และรัสเซีย ระบุว่า ทั้สองเห็นพ้องที่จะเดินหน้าการยุติสงครามในยูเครน หลังจากจัดการเจรจาในเมืองหลวงของซาอุดิอาระเบียเป็นครั้งแรกที่ไม่มีตัวแทนจากยูเครน
ผู้นำยุโรปสะท้อนว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมเพื่อรับมือกับการที่สหรัฐฯ จะลดบทบาทผู้นำด้านการป้องกันประเทศของยุโรป ซึ่งอาจส่งผลให้รัฐบาลกู้ยืมเงินมากขึ้น
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนพุ่งสูงขึ้น และหนุนกลุ่มธนาคารนำกาปรรับขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 1.9% แต่กลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งมักถูกมองว่าเป็นตัวแทนของพันธบัตร ลดลง 0.5%
หุ้นกลาโหมเพิ่มขึ้น 0.8% โดย Leonardo เพิ่มขึ้น 2.1% Saab AB ของสวีเดนเพิ่มขึ้น 0.6% และ Thales ของฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น 2.3%
หุ้น Thyssenkrupp ของเยอรมนี ซึ่งกำลังวางแผนที่จะแยกแผนกเรือรบ ทะยานขึ้น 7% หลังจากเพิ่มขึ้นเกือบ 20% เมื่อวันจันทร์
กลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศปรับขึ้น 8 วันติดต่อกัน ในวันก่อนเพิ่มขึ้น 4.6% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นภายในวันเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022
นักวิเคราะห์จาก ING Economics กล่าวว่า การที่สหรัฐฯ เดินหน้าพูดคุยกับรัสเซียเกี่ยวกับข้อตกลงในยูเครน ทำให้ผู้นำยุโรปตระหนักถึงความจำเป็นในการเร่งเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่เผยแพร่ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อฝรั่งเศสในเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 1.8% เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนีในเดือนกุมภาพันธ์ดีเกินคาด
หุ้น HSBC เพิ่มขึ้น 1.9% หลังจากประกาศเลิกจ้างพนักงานฝ่ายวาณิชธนกิจราว 40 คนในฮ่องกง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับโครงสร้างธุรกิจทั่วโลก เพื่อลดต้นทุนของธนาคารที่มุ่งเน้นตลาดเอเชีย
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 1.11 ดอลลาร์ หรือ 1.57% ปิดที่ 71.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 62 เซนต์ หรือ 0.82% ปิดที่ 75.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

