HoonSmart.com>>เดลต้าฯ แจงข้อมูลเพิ่มเติม ชี้ค่าใช้จ่ายพุ่งจากต้นทุนสินค้าคงคลัง เงินคืนลูกค้า และค่าสิทธิจ่าย ส่งผลกำไรลดลง 21.4% คดีสิทธิบัตรในสหรัฐฯ ยังสร้างแรงกดดันต่อเนื่อง
บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมว่า สืบเนื่องจากการรายงานผลประกอบการประจำปี 2567 ของที่ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯไปเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2567 ส่งผลให้เกิดความผันผวนในการซื้อขายและราคาหลักทรัพย์ของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญในวันเปิดทำการต่อมา
ทางบริษัทฯ จึงได้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2567
1. ยอดขายสินค้าและบริการในไตรมาสนี้อยู่ที่ 41,747 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10.6% แต่ลดลงจากฐาน
สูงในไตรมาสก่อน 3.4% ขับเคลื่อน โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์พาวเวอร์ซิสเต็มสำหรับระบบบศูนย์ข้อมูล และดีซีพาวเวอร์
สำหรับโครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์ ยังมีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อเนื่อง ร่วมกับโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศ เติบโตได้ดีจากไตรมาสก่อนและปีที่แล้ว จากแนวโน้มความต้องการลงทุนเพื่อยกระดับดาต้าเซ็นเตอร์สำหรับการประมวลผลสมรรถนะสูง
อย่างไรก็ตาม รายได้ส่วนกลุ่มโซลูชันสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีที่แล้ว สอดคล้องกับทิศทางตลาดโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว
2. กำไรขั้นต้น ในไตรมาสนี้ มีจำนวน 9.376 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 21.4% จากฐานสูงของไตรมาสที่แล้ว โดยมีสาหตุหลัก ดังนี้
2.1 สกุลเงินดอลลาร์ส่งผลต่อค่าเงินบาทแข็งในต้นไตรมาส 4 เกิดการรับรู้ขาดทุนในต้นทุนสินค้าคงคลัง มูลค่า 13.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
2.2 การให้เงินคืนอุดหนุนแก่ลูกค้า มูลค่า 6.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากยอดขายสูงในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงการค้า
2.3 หน่วยงานโซลูชัน Magneic ซึ่งผลิตชิ้นส่วนสำหรับใช้ภายในหลากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ เกิดกรณีข้อบกพร่องของวัตถุดิบที่ได้ประกอบเป็นสินค้าสำเร็จรูปส่งมอบลูกค้าแล้ว ทำให้บริษัทฯ ต้องดำเนินการแก้งาน พร้อมตั้งสำรองค่าใช้จ่ายที่ครอบคลุมการดำเนินการดังกล่าว มูลค่า 16.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
2.4 อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากปัจจัยกดดันกำไรข้างต้น สำหรับไตรมาสนี้ บริษัทฯ ยังสามารถควบคุมบริหาร
สินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีการกลับรายการตั้งสำรองมูลค่าสินค้าคงคลังออกมาเพิ่มเติมบางส่วน เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบของค่าใช้จ่ายไม่ประจำที่เกิดขึ้นไตรมาสนี้
3. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (รวมการวิจัยและพัฒนา) มีจำนวน 7,044 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.6% จากไตรมาสก่อน 61.8% จากปีก่อนหน้า โดยมีสาเหตุหลัก ดังนี้
3.1 ค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยพัฒนา มีช่วงฤดูกาลที่บันทึกยอดจากโครงการต่าง ๆ ของศูนย์วิจัยที่เยอรมันสูงขึ้น
ในช่วงปลายปี
ทั้งนี้เป็นไปตามกลยุทธ์ในการเพิ่มการลงทุนเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีแห่งอนาคต ตามแนวโน้มธุรกิจหลักที่มีดีมานด์ความต้องการสูง
3.2 ค่าสิทธิจ่าย ซึ่งบันทึกอยู่ในค่าใช้จ่ายการขาย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นช่วงปีที่ผ่านมา เนื่องจากยอดขายที่เกี่ยวข้อง
กับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เติบโตสูง
อย่างไรก็ตาม ไตรมาสนี้มีการประเมินและปรับปรุงอัตราเรียกเก็บค่าสิทธิจ่ายสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นเพิ่มเติมและมีผลคำนวณย้อนถึงต้นปี ทำให้ค่าสิทธิจ่ายเพิ่มสูงขึ้นจาก
ไตรมาสก่อนอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้อัตราอ้างอิงดังกล่าว ได้ผ่านการสอบทานเปรียบเทียบกับมาตรฐานอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโดยผู้เชี่ยวชาญการประเมินอย่างสมเหตุสมผล (บริษัท PWC)
3.3 ค่าใช้จ่ายในการบริหาร เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการบันทึกค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567
โดยยอดรวมค่าใช้จ่ายทางกฎหมายในปีนี้ มีมูลค่า 1,008 ล้านบาท (หมายเหตุประกอบงบข้อ 24)
ทั้งนี้เกิดจากกลุ่มบริษัทเดลต้า มีข้อพิพาทด้านสิทธิบัตรเทคโนโลยีกับคู่กรณีในสหรัฐอเมริกา สถานะคดียังไม่สิ้นสุดและอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป ส่งผลให้ยังมีปัจจัยกดดันจากค่าใช้จ่ายในส่วนนี้