TOP ปี67 กำไร 9,959 ล้านบาท ไตรมาส 4 ฟื้น ปันผลอีก 0.70 บาท/หุ้น

HoonSmart.com>>”ไทยออยล์” (TOP) เผยปี 67 มีกำไรสุทธิ 9,958.63 ล้านบาท ลดลง 48.78% รับรู้ขาดทุนสต๊อกน้ำมัน 5,913 ล้านบาท เฉพาะไตรมาส 4  กำไรดีขึ้นจากไตรมาสก่อน จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น แนวโน้มครึ่งแรกปี 68 คาดราคาน้ำมันลดลง ธุรกิจอะโรเมติกส์ฟื้นตัว ผลักดันโครงการพลังงานสะอาดให้ดีที่สุด แสวงหาโอกาสในธุรกิจใหม่ๆ ตอบโจทย์เมกะเทรนด์ บอร์ดใจดีแจกเงินปันผลอีกหุ้นละ 0.70 บาทขึ้น XD  27 ก.พ.68 รวมทั้งปีจ่าย 1.90 บาท 

บริษัท ไทยออยล์ (TOP) ประกาศผลการดำเนินงานงวดปี 2567 มีกำไรสุทธิ 9,958.63 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 4.46 บาทต่อหุ้นลดลงจำนวน 9,484.54 ล้านบาท หรือ 48.78% จากปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิ 19,443.17 ล้านบาท หรือ กำไรหุ้นละ 8.70 บาท

นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ กล่าวว่า ในปี 2567 กลุ่มไทยออยล์มีรายได้จากการขาย  455,857 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 9,959 ล้านบาทลดลงจากปีก่อน สาเหตุหลักจากกำไรขั้นต้นจากการกลั่นปรับลดเนื่องจากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซิน น้ำมันอากาศยาน น้ำมันดีเซลกับราคาน้ำมันดิบดูไบลดลง จากอุปทานที่เพิ่มขึ้น เนื่องจาก โรงกลั่นใหม่เริ่มดำเนินการ ขณะที่ด้านราคาน้ำมันดิบก็ลดลงจากปีก่อน จากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์รับรู้ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 5,913 ล้านบาท

ในไตรมาส 4/2567 กลุ่มไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 2,767 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะส่วนต่างราคาน้ำมันอากาศยานและน้ำมันดีเซลกับราคาน้ำมันดิบดูไบจากกิจกรรมการท่องเที่ยวที่สูงขึ้นในช่วงสิ้นปี ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันสำหรับผลิตความร้อนในช่วงฤดูหนาว แม้ว่า Crude Premium จะปรับเพิ่มขึ้นจากความกังวลต่อความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออกกลางก็ตาม

สำหรับกำไรขั้นต้นจากธุรกิจอะโรเมติกส์ลดลงจากส่วนต่างราคาสารพาราไซลีนกับราคาน้ำมันเบนซิน 95 ที่ลดลง เนื่องจากอุปสงค์เสื้อผ้าและสิ่งทอไม่เป็นไปตามคาดการณ์ ประกอบกับกำไรของธุรกิจปลายน้ำ เช่น สารพีทีเอ ที่ยังถูกกดดันรวมถึงส่วนต่างราคาสารเบนซีนกับราคาน้ำมันเบนซิน 95 ที่ปรับลดลงจากปริมาณสารเบนซีนคงคลังของจีนที่เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี ตลอดจนการกลับมาดำเนินการผลิตของโรงผลิตสารเบนซีนหลังปิดซ่อมบำรุงในไตรมาสก่อนหน้า

ขณะที่กำไรขั้นต้นจากธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนอุปสงค์ที่ฟื้นตัวหลังสิ้นสุดฤดูมรสุม เช่นเดียวกับ กำไรขั้นต้นจากธุรกิจผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานที่ปรับเพิ่มขึ้น จากความต้องการใช้ที่ฟื้นตัวหลังผ่านฤดูฝนและอุปทานที่ตึงตัวอย่างต่อเนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานกลุ่มที่ 1 ในเกาหลีใต้ ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 4  ลดลงจากไตรมาส 3  เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันลดลงตามเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์ขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน 2,010 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมธุรกิจกลุ่มไทยออยล์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 คาดว่าตลาดน้ำมันจะอ่อนตัวลง เนื่องจากอุปทานน้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการทยอยเปิดดำเนินการของโรงกลั่นขนาดใหญ่ในจีน เม็กซิโก ไนจีเรีย และโอมาน ถึงแม้ว่าตลาดจะได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่ลดลงจากสภาพอากาศหนาวเย็นในสหรัฐฯ ส่งผลให้โรงกลั่นหลายแห่งต้องหยุดดำเนินการ ขณะที่ธุรกิจอะโรเมติกส์ มีแนวโน้มฟื้นตัวโดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ของพาราไซลีนที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากคำสั่งซื้อโพลิเอสเตอร์ในจีนหลังเทศกาลตรุษจีนมีแนวโน้มสูงขึ้น รวมถึงความต้องการขวดบรรจุภัณฑ์ (PET) ที่จะปรับสูงขึ้นในช่วงฤดูร้อน อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานมีแนวโน้มอ่อนตัวลง จากแรงกดดันของอุปทานใหม่ที่เข้าสู่ตลาดจากโรงผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานกลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 3 ในอินเดีย

“ไทยออยล์ยังคงติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงแสวงหาโอกาสสร้างรายได้เพื่อให้มีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันโครงการพลังงานสะอาดให้เดินหน้าต่อไปให้ดีที่สุด ตลอดจนแสวงหาโอกาสในธุรกิจใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ เมกะเทรนด์เพื่อมุ่งเติบโตเป็นองค์กร 100 ปี อย่างมั่นคง ภายใต้วิสัยทัศน์ สร้างสรรค์คุณภาพชีวิต ด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน”นายบัณฑิตกล่าว

ทั้งนี้ กลุ่มไทยออยล์ยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี ตามหลักการ ESG (Environment, Social, and Governance) อย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากการได้รับรางวัลด้านความยั่งยืน จำนวน 9 รางวัล และได้รับการรับรองเป็นสมาชิก DJSI ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12

ด้านคณะกรรมการบริษัทไทยออยล์ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.70 บาท คิดเป็นเงินประมาณ 1,564ล้านบาท ให้ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อในทะเบียนวันที่ 28 ก.พ. 2568 ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 27 ก.พ. 2568 กำหนดจ่ายเงินวันที่  28 เม.ย. 2568 ทั้งนี้ จ่ายปันผลจาก กำไรสะสมและได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้วหุ้นละ 1.20 บาท คิดเป็นเงินประมาณ 2,681 ล้านบาท รวมทั้งปี จ่ายเงินปันผลหุ้นละ 1.90 บาท  ส่วนราคาหุ้นล่าสุดปิดที่ 24.60 บาท บวก 0.30 บาท หรือ +1.23% ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 625.47 ล้านบาท