“CIMBT” เปิดงบปี’66 รายได้เพิ่ม-กำไรหด ยันตั้งสำรองฯเครดิตเพียงพอ-คุมNPLได้คงที่

HoonSmart.com>>ซีไอเอ็มบี ไทย แจ้งผลการดำเนินงานที่เป็นงบการเงินรวมปี 2566 ทำรายได้เพิ่ม 1.3% รวม 13,7716 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,605.30 ล้านบาท ลดลง 44.9% ผลจากค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้ ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตเพิ่มขึ้น 48.5% กำไรต่อหุ้น 0.05 บาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยูที่ 0.08 บาท คุม NPLS ได้อยู่หมัด 3.3% เท่าปี 2565 NIM 2.6% ลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนการเงินเพิ่ม อัตราส่วนงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง 22.0%

นายพอล วอง ชี คิน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) แจ้งผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 มีรายได้จากการดำเนินงานจำนวน 13,7716 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 170.9 ล้านบาท หรือ 1.3% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2565 สาเหตุหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้อื่น 10.5% และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 1.7% รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ 17.9%

กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 10.6% เป็นจำนวน 5,138.3 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 10.0% กำไรสุทธิจำนวน 1,605.3 ล้านบาท ลดลงจำนวน 1,305.5 ล้านบาทหรือ 44.9% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2585 เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเติบโตสูงกว่าการเติบโตของรายได้จากการดำเนินงาน ประกอบกับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้น 48.5% โดยเป็นการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับหลักความระมัดระวังของธนาคารและเหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เป็นอยู่

รายได้จากการดำเนินงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เพิ่มขึ้นจำนวน 170.9 ล้านบาท หรือ 1.3% เป็นจำนวน 13,771.6 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2565 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการดำเนินงานอื่นจำนวน 267.9 ล้านบาท หรือ 10.5% ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากเงินลงทุนและกำไรสุทธิจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพ สุทธิกับการลดลงของกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน

รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 163.3 ล้านบาท หรือ 1.7% เป็นผลจากการขยายตัวของสินเชื่อและการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินลงทุน สุทธิกับการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและ
บริการสุทธิจำนวน 260.3 ล้านบาท หรือ 17.9% ส่วนใหญ่เกิดจากการลดลงของค่าธรรมเนียมจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันภัยและรายได้ค่าธรรมเนียมการจัดจำหน่าย

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2565 เพิ่มขึ้นจำนวน 782.2 ล้านบาทหรือ 10.0% สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าเผื่อการด้อยค่าของทรัพย์สินรอการขายและค่าภาษีอากร ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ต่อรายได้จากการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 อยู่ที่ 62.7% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2565 อยู่ที่ 57.7%

อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin – NIM) สำหรับปี 2566 อยู่ที่ 2.6% ลดลงจากงวดเดียวกันปี 2565 อยู่ที่ 2.7% เป็นผลจากต้นทุนการเงินที่เพิ่มขึ้น

วันที่ 31 ธันวาคม 2566 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี (รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งค้ำประกันโดยธนาคารอื่นและเงินให้ฐินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) ของกลุ่มธนาตารอยู่ที่ 245 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 กลุ่มธนาคารมีเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท) จำนวน 310.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1% จากสิ้นปี 2565 ซึ่งมีจำนวน 289.7 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (the Modified Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารลดลงเป็น 78.9% จาก 81.2% ณ
วันที่ 31 ธันวาคม 2565

สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLS) อยู่ที่ 8.2 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้นอยู่ที่ 3.3% คงที่เมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 เป็นผลจากการที่กลุ่มธนาคารมีนโยบายการจัดการความเสี่ยงด้านการให้สินเชื่อที่รัดกุม มาตรการบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับปรุงแนวทางในการเรียกเก็บหนี้จากสินเชื่อด้อยคุณภาพที่มีอยู่ และการแกับัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพอย่างต่อเนื่อง

อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 อยู่ที่ 124.2% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 114.6% ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของกลุ่มธนาคารอยู่ที่จำนวน 9.6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเงินสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 1.5 พันล้านบาท

เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ สิ้นวันที่ 31 ธันวาคม 2566 มีจำนวน 59.2 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง 22.0% โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 16.4%

ส่วนงบการเงินเฉพาะของธนาคารปี 2566 มีรายได้จากการดำเนินงาน 10,421.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 9,933.47 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 2,156.58 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 2,324.79 ล้านบาท