HoonSmart.com>>”ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น” (ITC) สตาร์ทฟื้นตัวแข็งแกร่ง ปี 67 รายได้จากการขายรวม 17,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8 % อัตรากำไรขั้นต้น 27.7% กำไรสุทธิ 3,597 ล้านบาท เติบโต 57.7% จากคำสั่งซื้อของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทุกภูมิภาคทั่วโลก ขายสินค้าพรีเมียมเพิ่ม บริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ จ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลัง 0.75 บาท/หุ้น รวมทั้งปี 1.15 บาท เท่ากับ 95.9% ของกำไร ส่วนปี 68 ตั้งเป้าโตก้าวกระโดด
นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC) เปิดเผยว่า ปี 2567 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในภาพรวม แม้ว่าจะยังคงเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจ แต่การบริโภคสินค้ากลุ่มพรีเมียมมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการของกลุ่ม Pet Parent ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลและมอบโภชนาการที่ดีที่สุดให้กับสัตว์เลี้ยง บริษัทฯ มองเห็นโอกาสของตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง ได้นำนวัตกรรมและความเชี่ยวชาญมาใช้ในการพัฒนาสินค้าให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดและลูกค้ามากยิ่งขึ้น ทำให้สามารถสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 ไอ-เทลมีรายได้จากยอดขาย 4,698 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% จากไตรมาสที่ 3 และมีกำไรสุทธิ 790 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้เดินหน้าโครงการทรานส์ฟอร์เมชั่นเพื่อเร่งการเติบโต โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงคุณภาพสูง ด้วยนวัตกรรมและกระบวนการผลิตที่ทันสมัย โดยมีเป้าหมายการเพิ่มรายได้เป็นสามเท่า อยู่ที่ประมาณ 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2573 ทั้งจากการดำเนินงานปกติและการควบรวมกิจการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงระดับโลก
” ในปี 2567 ไอ-เทลฯ มีอัตรากำไรขั้นต้น 27.7% เพิ่มขึ้น 8.3% เทียบกับระดับ 19.5% ในปีก่อน ส่วนอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 20.3% เพิ่มขึ้น 5.7% จากระดับ 14.6%”
ในปี 2567 ไอ-เทลมีสัดส่วนของยอดขายในอเมริกา 50% ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่เอเชียและโอเชียเนียอยู่ที่ 34% และยุโรปอยู่ที่ 16 % โดยยอดขายส่วนใหญ่ 70% มาจากอาหารแมว อาหารสุนัข 18% ขนมของสัตว์เลี้ยง 12% นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณภาพสูงออกสู่ตลาดกว่า 1,300 รายการ สร้างรายได้ 1,395 ล้านบาท คิดเป็น 8% ของยอดขายในปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังเพิ่มความแข็งแกร่งทางธุรกิจด้วยการเซ็นสัญญาทางธุรกิจกับลูกค้ารายใหม่ทั่วโลกอีก 83 รายอีกด้วย
“ในปี 2568 ไอ-เทล มีความมุ่งมั่นอย่างมากในการขับเคลื่อนการเติบโตแบบก้าวกระโดด เพื่อขยายธุรกิจในตลาดโลกและการเติบโตในธุรกิจ private label โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรป เรายังคงยึดมั่นการให้ความสำคัญกับลูกค้าและสัตว์เลี้ยงเป็นศูนย์กลาง และเดินหน้าอย่างเต็มที่ในการพัฒนานวัตกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสัตว์เลี้ยงอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารเปียก ขนมทานเล่น และอาหารกลุ่ม functional สำหรับสัตว์เลี้ยง รวมถึงการมุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดในการเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มเสริมอาหารและโภชนบำบัด (nutraceutical) เพื่อการดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของสัตว์เลี้ยงอย่างยั่งยืน ” นายพิชิตชัยกล่าวทิ้งท้าย