ดาวโจนส์ปิดลบ 225 จุด วิตกเงินเฟ้อสูงเกินคาด-เฟดไม่ลดดอกเบี้ยเร็ว

HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วง 225 จุด หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ ร้อนแรงเกินคาด นักลงทุนกังวลภาวะเงินเฟ้อจะกลับมาสูงขึ้น เฟดอาจไม่ลดดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ บอนด์ยีลด์พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 4.66% ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ลดลงกว่า 2% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวกทำนิวไฮ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 12กุมภาพันธ์ 2568 ปิดที่ 44,368.56 จุด ลดลง 225.09 จุด หรือ -0.50% หลังจากการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อร้อนแรงเกินคาด ทำให้มีความกังวลว่าภาวะเงินเฟ้อจะกลับมาสูงขึ้นและธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็วๆนี้

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,051.97 จุด ลดลง 16.53 จุด, -0.27%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,649.95 จุด เพิ่มขึ้น 6.09 จุด, +0.03%

แรงขายเกิดขึ้นในระหว่างวันหลังกระทรวงแรงงานรายงาน ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงานเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 3.0% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่า 2.9% ที่นักวิเคราะห์ และเพิ่มขึ้นจาก 2.9% ในเดือนธันวาคม เมื่อเทียบรายเดือนเพิ่มขึ้น 0.5% สูงกว่า 0.3% ที่นักวิเคราะห์คาด

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงานเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่า 3.1% ที่นักวิเคราะห์คาด และเพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนธันวาคม และเมื่อเทียบรายเดือน เพิ่มขึ้น 0.4%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานอ้างอิงสำหรับสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ และบัตรเครดิต พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 4.66%

หุ้นเทคโนโลยีที่มีมูลค่าตลาดสูง( megacap) บางส่วน รวมถึง Amazon,Alphabet พากันดลลง หุ้นที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคและหุ้นธนาคารที่เสี่ยงต่อการใช้จ่ายที่ชะลอตัวและเศรษฐกิจที่อ่อนแอก็ปรับลงเช่นกัน

เบร็ท เคนเวลล์ นักวิเคราะห์การลงทุนของสหรัฐฯ จากแพลตฟอร์มการซื้อขาย eToro กล่าวว่า เงินเฟ้อที่สูงกว่าที่คาดไว้จะลดโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และทำให้นักลงทุนวิตกว่าภาวะอัตราเงินเฟ้อจะกลับมาปรับสูงขึ้น

นักวิเคราะห์เตือนว่าการเก็บภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และแผนที่จะลดภาษี กฎระเบียบ และการเข้าเมือง เสี่ยงที่จะจุดชนวนอัตราเงินเฟ้อ

ข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดทำให้มีโอกาสน้อยลงที่เฟดจะกลับมาลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเร็วๆนี้ และตอนนี้ทำให้เกิดความกังวลว่าบางทีการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปอาจเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วยซ้ำ

เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธ โดยกล่าวว่า ข้อมูล CPI ล่าสุดสะท้อนว่า
เฟดมี “ความก้าวหน้าอย่างมาก” ในการทำให้อัตราเงินเฟ้อเข้าใกล้เป้าหมาย 2% มากขึ้น แต่ “ยังไม่ถึงจุดนั้น เราต้องการคงนโยบายเข้มงวดไว้ตอนนี้”

เมื่อวันอังคารพาวเวลล์แถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารของวุฒิสภาว่าเฟดไม่รีบร้อนที่จะลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าบ่งชี้ว่าเทรดเดอร์มองว่ามีโอกาสประมาณ 70% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25%ภายในสิ้นปี 2025 ลดลงจากโอกาสประมาณ 80% ในวันอังคาร ตามข้อมูลของ CME Fedwatch

เจค ดอลลาร์ไฮด์ ซีอีโอของ Longbow Asset Management กล่าวว่า ตลาดกำลังมองถึงการที่เฟด อาจไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเลย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตลาดหุ้นถึงตก
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อเช้าวันพุธก่อนการรายงานข้อมูล CPI ว่าควรลดอัตราดอกเบี้ยลง

อย่างไรก็ตามความเชื่อมั่นของตลาดส่วนหนึ่งมาจากความเห็นจากประธานสภาผู้แทนราษฎร ไมค์ จอห์นสัน ตามรายงานของรอยเตอร์ ทำเนียบขาวกำลังพิจารณาการยกเว้นการเก็บภาษีในอัตราที่เท่ากัน (reciprocal tariff ) สำหรับผลิตภัณฑ์ เช่น ยารักษาโรค ส่งผลให้หุ้นรถยนต์ทั้ง GM และ Ford ปิดในแดนบวกเช่นเดียวกับ Eli Lilly
ตลาดยังได้รับแรงหนุนส่วนหนึ่งจากการปรับขึ้น 15% ของ CVS Health และการเพิ่มขึ้น 7.5% ของ Gilead Sciences หลังรายงานผลการดำเนินงานรายไตรมาสที่กว่าคาด ซึ่งช่วยจำกัดการลดลงของตลาด

ตลาดยุโรปปิดบวกและทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนขานรับรายงานผลประกอบการจาก Heineken และ ABN AMRO แม้ว่าระมัดระวังเกี่ยวกับข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และนโยบายการค้า

กลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 1.1% และนำกาปรับขึ้นของตลาด โดย ABN AMRO เพิ่มขึ้น 8.2% ในระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 ปี หลังจากที่ผลประกอบการไตรมาสสี่ออกมาดีเกินคาดของตลาด

ส่วนกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น 1% หุ้น Heineken ทะยานขึ้น 14.4% ซึ่งเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังจากรายงานผลกำไรดีกว่าที่คาดรวมทั้งประกาศการซื้อหุ้นคืน และคาดการณ์การเติบโตของกำไรจากการดำเนินงานในปี 2025

หุ้น Anheuser-Busch InBev และ Carlsberg ต่างก็เพิ่มขึ้น 2.8% และ 3.2% ตามลำดับ

หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งเป็นหุ้นปันผลลดลง 1% จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยุโรปที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่ข้อมูลราคาผู้บริโภคสหรัฐฯเดือนมกราคมเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 1 ปีครึ่ง ส่งผลให้มองว่าธนาคารกลางสหรัฐจะลดอัตราดอกเบี้ยได้เพียงครั้งเดียวในปีนี้

นักลงทุนยังเตรียมพร้อมสำหรับสงครามการค้าโลกที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ คาดว่าจะประกาศนโยบายภาษีที่เก็บในอัตราที่เท่ากัน ซึ่งน่าจะได้รับการตอบโต้จากสหภาพยุโรปที่พึ่งพิงการส่งออก

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 547.78 จุด เพิ่มขึ้น 0.60 จุด, +0.11%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,807.44 จุด เพิ่มขึ้น 30.05 จุด, +0.34%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,042.19 จุด เพิ่มขึ้น 13.29 จุด, +0.17%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 22,148.03 จุด เพิ่มขึ้น 110.20 จุด, +0.50%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคมลดลง 1.95 ดอลลาร์ หรือ 2.66% ปิดที่ 71.37ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 1.82 ดอลลาร์ หรือ 2.36% ปิดที่ 75.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล