ดาวโจนส์ปิดบวก 200 จุด หวังความขัดแย้งการค้าคลี่คลาย

ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 200 จุด นักลงทุนคาดหวังสงครามการค้าสหรัฐและจีนคลี่คลาย หลังมีข่าวเลื่อนเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ด้านหุ้นยุโรปร่วง หลังรัฐมนตรี รับผิดชอบ Brexit ถอนตัวออกจากยุโรปลาออก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 ที่ 25,289.27 จุด เพิ่มขึ้น 208.77 จุด หรือ 0.83% จากที่ร่วงไปเกือบ 250 จุดระหว่างวัน ด้วยแรงซื้อที่กลับเข้ามาของนักลงทุนหลังรายงานข่าวของไฟแนนเชี่ยลไทม์ว่าสหรัฐและจีนเริ่มที่จะแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า โดยเริ่มจากการที่สหรัฐจะเลื่อนการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนและให้คณะทำงานเจรจาหาข้อสรุปรวมทั้งกังวลต่อการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป(Brexit)ของอังกฤษ

นักลงทุนวิตกต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก หลังจากเยอรมนีเผยแพร่ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี และจากจีดีพีไตรมาส 3 ของญี่ปุ่นหดตัวเช่นกัน ขณะที่ความเห็นของประธานธนาคารสหรัฐเจอโรม พาวเวลล์ที่ว่า สหรัฐกำลังประสบกับความยากลำบากแต่ธนาคารกลางพอใจกับภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ ทำให้ตลาดกังวลว่าธนาคารกลางอาจจะเป็นการดำเนินนโยบายผิดพลาดในการดำเนินนโยบายการเงินเพื่อกลับสู่ภาวะปกติ

ผลประกอบการไตรมาส 3ของวอล์มาร์ทซึ่งมีรายได้ต่ำกว่าคาดจากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยน สร้างความกังวลว่าผู้บริโภคของสหรัฐไม่ได้แข็งแกร่งตามที่ตัวเลขแสดง ขณะที่ผลการสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็บ่งชี้ในทิศทางเดียวกัน อย่างไรก็ตามตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 0.8% สูงว่า 0.6% ที่นักวิเคราะห์คาด

กระทรวงแรงงานเผยตัวเลขจำนวนยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 2,000 รายมาที่ 216,000 รายซึ่งสูงกว่า 212,000 ที่นักวิเคราะห์คาด

หุ้นวอล์มาร์ทลดลง 1.96%

หุ้นแอปเปิลกลับมาบวกเพิ่มขึ้น 2.5%

หุ้นเจพีมอร์แกนเพิ่มขึ้น 2.55% หลังเบิร์กไชร์แฮทธะเวย์ของ วอรร์เรน บัฟเฟต์เปิดเผยการถือครองหุ้นประจำไตรมาส 3 ว่าบริษัทถือครองหุ้นธนาคารมูลค่า 4.02 พันล้านดอลลาร์

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,730.20 จุด เพิ่มขึ้น 28.62 จุด,+1.06%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,259.03 จุด เพิ่มขึ้น 122.64 จุด, +1.72%

ทางด้านตลาดยุโรปส่วนใหญ่ปิดลบด้วยความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองของอังกฤษหลังจากรัฐมนตรีลาออกหลายคนซึ่งหนึ่งในนั้นคือนายโดมินิค ราบบ์ ที่รับผิดชอบการถอนตัว (Brexit) ออกจากสหภาพยุโรป(อียู) เพราะไม่เห็นด้วยต่อข้อตกลงการถอนตัวที่นายกรัฐมนตรีเทรเซา เมย์เสนอต่ออียู แม้คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแผน

นายกรัฐมนตรีเทเรซากล่าวต่อรัฐสภาว่าอังกฤษจะถอนตัวจากอียูแบบไม่มีเงื่อนไขหรือจะเสี่ยงด้วยการไม่ถอนตัวเลย หรือเลือกที่จะสนับสนุนเงื่อนไขที่ดีที่สุดเท่าที่จะเจรจาได้

ค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่าแรงมาที่ 1.2746 ต่อดอลลาร์ หรืออ่อนค่าลง 1.82% ในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นการอ่อนค่ามากสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2016

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงแรง โดยหุ้นอาร์บีเอสลดลง 9.63% หุ้นลอยด์แบงก์ลดลง 5.03% หุ้นบาร์เคลย์ลดลง 4.26%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกจากค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 7,038.01 จุด เพิ่มขึ้น 4.22 จุด,+0.06%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 358.43 จุด ลดลง 3.84 จุด,-1.06 %

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,033.62 จุด ลดลง 35.23 จุด,-0.70%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,353.67 จุด ลดลง 58.86 จุด, -0.52%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 21 เซนต์หรือ 0.4% ปิดที่ 56.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 50 เซนต์หรือ 0.8% ปิดที่ 66.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล