“บีทีเอส กรุ๊ป”เผยสัญญาณศก.ฟื้น หาทางเพิ่มรายได้โตเท่าก่อนโควิด

HoonSmart.com>>”กวิน กาญจนพาสน์” เผยสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น โฆษณาเริ่มกลับ ยอดจองโรงแรมคึกคัก ผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสกลับมาแล้ว 60-70% เดินหน้าประคองตัวสร้างความแข็งแรงให้ธุรกิจในช่วง 6 เดือนแรกปี’67 รอความชัดเจน ก่อนวางแผนธุรกิจใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง

นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เปิดเผยว่า งบปี 2567 (1เม.ย.2567-31มี.ค.2568) บริษัทฯกำลังวางแผนธุรกิจในการสร้างรายได้ให้กลับมาเหมือนช่วงก่อนโควิด เพราะเริ่มเห็นแนวโน้มทางเศรษฐกิจดีขึ้น จากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมารายได้ไม่ดีเพราะโควิด

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 จะเน้นการรักษาความสามารถในการทำธุรกิจแต่ละอย่างให้เข้มแข็ง หรือประคองตัวให้แข็งแรง ยังไม่มีแผนลงทุนใหม่ๆ  เพราะต้องการรอดูความชัดเจนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และ การกลับมาของจำนวนนักท่องเที่ยว

“ปีนี้ยังไม่มีแผนลงทุนเพิ่ม เพราะยังสโลว์อยู่ รอให้ทุกอย่างกลับมาก่อน ซึ่งต้องรอดูอีกประมาณ 2 ไตรมาสว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาเหมือนเดิมไหม ตอนนี้มาแค่ 60-70% ทำให้ทุกอย่างอ่อน ถ้าทุกอย่างชัดแล้วค่อยมาดูกันใหม่ว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะทำอะไรบ้าง “นายกวิน กล่าว

นายกวิน กล่าวว่า ในส่วนของบริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) ยังคงเดินหน้าธุรกิจตามแผนเดิม ซึ่งปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณดีขึ้น โฆษณาเริ่มกลับมาแล้วแต่ยังไม่เหมือนเดิม เพราะจำนวนผู้โดยสารของบีทีเอสยังไม่เท่าเดิม แต่ก็ใกล้แล้ว หากกลับมา 100% เหมือนช่วงก่อนโควิด คิดว่าโฆษณาก็จะกลับมาได้ไม่ยาก ส่วนธุรกิจอื่นๆ ก็ดีขึ้นต่อเนื่อง อย่างน้อยก็เห็นว่าโรงแรมเปิดใหม่ที่พญาไทขายดีมากเลย

“ธุรกิจหลักยังคงเป็นรถไฟฟ้า หากผู้โดยสารกลับคืนมา 100% เหมือนช่วงก่อนโควิด ก็จะทำให้ธุรกิจโฆษณาดีขึ้นได้ไม่ยาก และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็จดีขึ้น ส่วนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ร่วมทำกับบางจาก เราทำขึ้นมาเพื่อให้บริการเสริมแก่ผู้โดยสาร ให้บริการครอบคลุมตั้งแต่ออกจากบ้าน ไปออฟฟิศ หรือ จากออฟฟิศถึงบ้าน”นายกวิน กล่าว

ขณะที่ นักวิเคราะห์จากบล.กรุงศรี แนะนำ “ซื้อ”หุ้น BTS โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 8.50 บาท ถึงแม้ว่าจะแนะนําซื้อ แต่มองบวกน้อยลง เพราะเหลือ upside ถึงราคาเป้าหมายอีกไม่มาก และอาจจะมีการปรับลดประมาณการกําไรลงอีก

ทั้งนี้ ประมาณการกําไรปี 2567 ยังมี downside อีก เมื่ออิงตามสมมติฐาน โดยรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(เริ่มเปิดให้บริการในวันที่ 3 ก.ค. 2566) จะส่งผลขาดทุนมาที่ BTS 500 ล้านบาทในปีนี้ อิงจากจํานวนผู้โดยสารเฉลี่ยรายวันที่ 50,000 เที่ยว การเปิดให้บริการฟรีเป็นเวลาห้าวันในช่วงทดสอบ (2-7 ม.ค.)จะทําให้มีผลขาดทุนเพิ่มอีก 8.2 ล้านบาท คิดเป็น 0.4% ของประมาณการกําไรปี 2567

ส่วนรถไฟฟ้าสายสีชมพู คาดว่าจะมีผลขาดทุน 125 ล้านบาทในปี 2567 (สามเดือน) อิงจากจํานวนผู้โดยสารเฉลี่ยรายวันที่ 53,000 เที่ยว และมีการคิดค่าโดยสารในอัตราปกติ แต่เมื่อมีการให้ส่วนลดค่าโดยสาร 15% จะทําให้ขาดทุนเพิ่มขึ้นอีก 23.8 ล้านบาทใน ไตรมาส 4 ปี 2567 (คิดเป็น 1.3% ของประมาณการกําไรปี 2567 ถึงแม้ว่ากรณีที่เกิดกับรถไฟฟ้าทั้งสองสายจะทําให้กําไรมี downside เพียงเล็กน้อย แต่เนื่องจากบริษัทมีผลขาดทุนจากธุรกิจหลัก 119 ล้านบาทในครึ่งแรกของปี 2567  ในขณะที่คาดว่ากําไรเต็มปีจะอยู่ที่ 1.85 พันล้านบาท ทางบล.กรุงศรี จะทบทวนประมาณการกําไรใหม่อีกครั้งตอนออกบทวิเคราะห์ประมาณการกําไรไตรมาส 4 ปี 2567