HoonSmart.com>>”เงินติดล้อ”(TIDLOR)โชว์กำไรสุทธิปี 67 ที่ 4,230.5 ล้านบาท โต 11.6% รายได้จากการขยายตัวธุรกิจสินเชื่อ-นายหน้าประกันภัย-การเพิ่มขึ้นของส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ รายได้รวม 22,160.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.8% สิ้นปีพอร์ตสินเชื่อคงค้าง 103,933.7 ล้านบาท ขยายตัว 6.6% ส่วนไตรมาส 4/67 มีกำไรสุทธิ 1,044.5 ล้านบาท โต 15.9% YoY และ 5.4% QoQ
บริษัท เงินติดล้อ (TIDLOR) รายงานกำไรสุทธิปี 2567 จำนวน 4,230.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.6% (YoY) จากปี 2566 ที่มีกำไร 3,790.4 ล้านบาท โดยปี 2567 กำไรต่อหุ้น 1.47 บาท เทียบกับ 1.40 บาท การเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลจากรายได้โตจากการขยายตัวของทั้งธุรกิจสินเชื่อ และธุรกิจนายหน้าประกันภัย และการเพิ่มขึ้นของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ
บริษัทมีรายได้รวม 22,160.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.8% รายได้หลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยรับจากเงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อที่เพิ่มขึ้น 18.2% และรายได้ค่าธรรมเนียมและบรกิารที่เพิ่มขึ้น 10.5% ขณะที่มีค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 16,877.6 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ซึ่งสอดคล้องกับการขยายตัวของฐานลูกค้าและธุรกิจ ต้นทุนทางการเงินที่ปรับเพิ่มขึ้นตามภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงเมื่อเทียบกับระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา และผลขาดทุนด้านเครดิต สอดคล้องจากกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยมีอัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครติดต่อเงินให้สินเชื่อที่ระดับ 3.4% ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า ทั้งนี้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานต่อรายได้ในปี 2567 อยู่ที่ 55.9% นอกจากนี้ด้วยความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา ควบคู่กับประสิทธิภาพในการบรหิารโครงสร้างเงินทุน ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นยังคงอยู่ในระดับต่าที่ 2.5 เท่า
ณ สิ้นปี 2567 บริษัทมีพอร์ตสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 103,933.7 ล้านบาท ขยายตัว 6.6% โดยคุณภาพพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดี ในขณะที่ธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยยังคงการเติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยเบี้ยประกันวินาศภัยรวมปี 2567 มีมูลค่า 10,176.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.4% การมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่คำนึงถึงลูกค้าเป็นสำคัญอย่างบัตรติดล้อและบริการโอนเงินสินเชื่อเข้าบัญชีผ่านแอปพลิเคชันเงินติดล้อ รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มอินชัวร์เทค (InsurTech) และ Call Center 1501 ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ
ไตรมาส 4 ปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,044.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.9% (YoY) และ 5.4% (QoQ) การเพิ่มขึ้นจากไตรมาส
3 ปี 2567 ส่วนใหญ่มาจากการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิต ที่ปรับลดลง 30.2% (QoQ) รวมถึงรายได้รวมที่เติบโตขึ้นจากการกลับมาขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อที่ระดับ 1.2% (QoQ) จากที่ชะลอตัวในไตรมาสก่อนหน้าและเบี้ยประกันวินาศภัยที่เติบโตในระดับสูงที่ 23.8% (QoQ) เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลที่ธุรกิจเติบโตสูง นอกจากนี้คุณภาพสินเชื่อรวมมีการปรับตัวดีขึ้น จากการให้ความสำคัญในด้านจัดการคุณภาพสินทรัพย์และแนวทางการอนุมัติสินเชื่อ โดยสินเชื่อปล่อยใหม่ที่มีคุณภาพโดยรวมดีขึ้นและการติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (%NPL) ลดลงมาอยู่ที่ 1.81% จากไตรมาสก่อนที่ 1.88% และยังคงอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (%NPL coverage) ในระดับแข็งแกร่งที่ 242.7%