HoonSmart.com>>”ภากร ปีตธวัชชัย”คาดปี’67 ตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจภายใน-ภายนอกประเทศอยู่ในระดับใกล้เคียงกับตลาดหุ้นอื่นๆ หลังจากเจอหนักที่สุดในปี’66 คาดกลุ่มธนาคารชี้นำตลาดสะท้อนผ่านความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คาดว่า ปี 2567 ตลาดทุนไทยจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจภายในและภายนอกประเทศอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ หลังจากปี 2566 ที่เจอผลกระทบรุนแรงและหนักที่สุด จากภาวะเศรษฐกิจโลก อัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่สูงขึ้น สงคราม การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว ทำให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนดีขึ้น รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ฯได้ทำการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์และกระบวนการทำงานด้านการกำกับเพื่อปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน
อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมจะเป็นในลักษณะ K-Shaped Recovery ไม่ได้ฟื้นตัวพร้อมกันทุกอุตสาหกรรม หลายอุตสาหกรรมยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะสงคราม อัตราดอกเบี้ย ค่าเงิน
“ปีนี้ธุรกิจที่ชี้นำตลาด คือ กลุ่มธนาคาร เห็นได้จากความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น สะท้อนว่าเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น”นายภากร กล่าว
นายภากร คาดว่า กลุ่มนักลงทุนที่ลงทุนระยะสั้นที่มีการไหลเข้า-ออก ตามข่าวและตัวแปรด้านการลงทุน จะไหลกลับเข้ามาในตลาดทุนไทยอีกครั้ง หลังจากที่มีการไหลออกไปในช่วงที่ผ่านมา ส่วนกลุ่มลงทุนระยะยาวซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันสัดส่วนการลงทุนยังคงลงทุนอยู่ในไทยไม่ได้ไหลออกไปไหน โดยรวมแล้วสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติอยู่ที่ระดับ 29.7-30%
“ปีนี้จะมีการดึงบริษัทต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในไทยให้มากขึ้น และปรับมาตรฐานการรับบริษัทที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดให้เข้มงวดมากขึ้น”นายภากร กล่าว
นายภากร ให้ความเห็น เรื่องอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อในปัจจุบัน หากเจาะลึกลงไปจะพบว่าส่งผลกระทบต่อ risk-free rate ต่ำ (อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่ไม่มีความเสี่ยง) แต่ส่งผลต่อ Credit Risk (ความเสี่ยงด้านเครดิต) หรือ Default Risk (ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้) สูงขึ้น ซึ่งนักลงทุนต้องดูความสามารถในการทำกำไรของผู้ที่ออกหุ้นกู้ และการบริหารสภาพคล่อง ว่าจะเข้ามาทันช่วงที่จะมีการจ่ายดอกเบี้ยและการไถ่ถอนเงินต้นหรือไม่
“สิ่งที่กำลังทำร่วมกับทางสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คือทำให้ข้อมูลมาถึงนักวิเคราะห์ และ นักลงทุนให้ได้เร็วที่สุด”นายภากร กล่าว