ทิ้ง DELTA คาดถูกลดน้ำหนัก 1,480 ล้านบ. PTT-ADVANC-AOT-GULF- PTTEP ได้ดี 

HoonSmart.com>>ตลาดหลักทรัพย์เล็งคุมน้ำหนักหุ้นแต่ละตัวไม่เกิน 10% ในการคำนวณดัชนี ลดความผันผวนของตลาด กระทบเดลต้าฯโดยตรง เพราะมีน้ำหนัก 13% หากบังคับใช้คาดเงินไหลออก 1,480 ล้านบาท ทุกๆ การเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น เดลต้าฯ 1 บาท มีผลต่อดัชนี SET 1 จุด และ SET50  1 จุด ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์  PTT,ADVANC, AOT, GULF, PTTEP คาดเม็ดเงินไหลเข้าช่วง 64-114 ล้านบาท

เช้าวันนี้ (5 ก.พ.2568) หุ้นบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ดิ่งลงแรง ราคาลงไปต่ำสุดแตะ 114.50 บาท ก่อนฟื้นมาซื้อขายบริเวณ 119.50 บาท ร่วงลง -3.50 บาทหรือ-2.85%

สาเหตุที่ DELTA ตกเป็นเป้าถูกถล่มหนัก บล.เอเซียพลัสระบุว่าเนื่องจากตลาดอยู่ในช่วงพิจารณาปรับน้ำหนักให้หุ้นแต่ละตัวมีน้ำหนักต่อดัชนีไม่เกิน 10% (Capped Weight) โดยมีการ Rebalance ทุกๆ ไตรมาส ใน SET100 SET50 SET100FF SET50FF ซึ่งตรงตามกฏก.ล.ต.ที่ห้ามกองทุนรวมซื้อหุ้นเกิน 10% ของพอร์ต(เปิดรับฟังความคิดเห็น 4-17 ก.พ.2568)

ปัจจุบัน
SET50 11.7 ล้านล้านบาท
SET100 13.1 ล้านล้านบาท
โดยหุ้นที่มีน้ำหนักเกิน 10% ใน SET100 SET50 มีแค่ DELTA ตัวเดียวที่มีมาร์เก็ตแคป 1.56 ล้านล้านบาท มี Capped Weight เกินใน SET50 3% ใน SET100 2% ส่วนใน SET50FF และ SET100FF ไม่มีหุ้นตัวไหนน้ำหนักเกิน 10%

ดังนั้นหากตลาดฯ มีการนำวิธีนี้มาใช้ DELTA จะมีน้ำหนักต่อตลาดน้อยลง แล้วหุ้นตัวอื่นๆ จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ DELTA ทุกๆ 1 บาทที่เปลี่ยนแปลงมีผลต่อดัชนี SET 1 จุด และ SET50  1 จุด

บล.ฟินันเซีย ไซรัสวิเคราะห์ว่า  SET50 หุ้น DELTA มีน้ำหนักราว 13% หากมีการบังคับใช้เกณฑ์ดังกล่าว จะทำให้ DELTA ถูกลดน้ำหนักลงราว 3% และกระจายไปยังหุ้นตัวอื่นๆ

“เบื้องต้นหากอ้างอิงราคาหุ้นตัวอื่นๆในดัชนีคงที่ ราคาหุ้น DELTA อาจต้องปรับลงถึงราว 26% เพื่อให้น้ำหนักของหุ้นปรับลดเหลือ 10% แต่ในความเป็นจริงอาจปรับตัวลงเบากว่า เนื่องจากคาดว่าราคาหุ้นตัวอื่นจะปรับตัวขึ้นด้วยจากเม็ดเงินที่เวียนมาไหลเข้า”

SET ปัจจุบันที่ระดับราว 1,300 จุด เทรดบน 2025PER ราว 13.6 เท่า ซึ่งหากอ้างอิง DELTA ที่ยังเทรด PER ระดับราว 60 เท่า หากตัด DELTA ออก PER ของดัชนีคาดว่าจะอยู่ที่ราว 12.5+- เท่า ซึ่งค่อนข้างถูกเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต และให้ Earnings Yield Gap สูงถึง 5.7% (5% หากรวม DELTA)

ทางด้านบล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหลักทรัพย์ เสนอให้มีการจำกัดน้ำหนักหุ้นรายตัวไม่เกิน 10% ในดัชนี SET50/SET100 และควรใช้ใน SET50FF SET100FF ซึ่งจะมีการ Rebalance ในทุกไตรมาส  ซึ่งเชื่อว่าวิธีการนี้จะเป็นหนึ่งในแนวทางที่สามารถช่วยลดความผันผวนของดัชนีจากหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ตัวใดตัวหนึ่งได้ แต่หากพิจารณา SET50 คาดว่าจะกระทบต่อหุ้น DELTA เพราะปัจจุบันมีสัดส่วนต่อดัชนีเท่ากับ 13% หากบังคับใช้วิธีคุมน้ำหนักที่ 10% คาดเม็ดเงินไหลออกที่ 1,480 ล้านบาท

ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์ก็จะเป็นหุ้นทุกบริษัทในดัชนี SET50 Index จากการถูกกระจายน้ำหนักเพิ่มขึ้น โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือหุ้นที่มี มาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ที่สัดส่วนต่อ SET50 ต่ำกว่า 10% โดย 5 อันดับแรก คือ PTT,ADVANC, AOT, GULF, PTTEP คาดเม็ดเงินไหลเข้าช่วง 64-114 ล้านบาท