ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 216 จุด บอนด์ยีลด์อ่อนตัว

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐ 3 ดัชนีหลักปิดพุ่ง ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 216 จุด , +0.58% , S&P500 +1.41% , Nasdaq +2.20% นักลงทุนกลับซื้อหุ้นเทคโนโลยี หลังบอนด์ยีลด์อ่อนตัวลง ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วง แรง 4.1% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 8 มกราคม  2567 ที่ 37,683.01 จุด เพิ่มขึ้น 216.90 จุด หรือ +0.58%  แต่การปรับขึ้นถูกจำกัดจากการร่วงลงของหุ้นโบอิ้ง ขณะที่นักลงทุนรอข้อมูลเงินเฟ้อ
      
ดัชนี S&P500 ปิดที่  4,763.54 จุด เพิ่มขึ้น 66.30 จุด, +1.41%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,843.77 จุด เพิ่มขึ้น 319.70 จุด, +2.20% เป็นการปรับขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน
      
หุ้นโบอิ้งซึ่งอยู่ในดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 8% หลังจากทางการสหรัฐฯ สั่งระงับการใช้เครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 9 บางส่วน หลังเกิดเหตุเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 9 ของสายการบินอลาสก้า แอร์ไลน์ประสบเหตุชิ้นส่วนบริเวณผนังเครื่องบินหลุดกลางอากาศ หลังเพิ่งออกเดินทางจากสนามบินในเมืองพอร์ตแลนด์ของรัฐออริกอนในสหรัฐได้ไม่นาน ส่งผลให้เกิดช่องโหว่ขนาดใหญ่บริเวณลำตัวเครื่องบิน และต้องร่อนลงจอดฉุกเฉิน
      
นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นเทคโนโลยีที่ร่วงลง 4% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้ โดยหุ้น Nvidia เพิ่มขึ้น 6.4% สู่ระดับ all-time high

หุ้นแอมะซอน เพิ่มขึ้นเกือบ 2.7% หุ้นอัลฟาเบทบวก 2.3% หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 2.4% หลังจาก Evercore ISI แนะนำให้ลูกค้าเข้าซื้อหลังราคาร่วงลงในสัปดาห์ที่แล้ว
      
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงมาที่ 4.012%
      
อดัม เทิร์นควิสต์  หัวหน้านักกลยุทธ์ทางเทคนิคของ LPL Financial กล่าวว่า การปรับตัวลงของตลาดในสัปดาห์ที่แล้วประกอบกับการอ่อนตัวลงของอัตราผลตอบแทน พันธบัตรอายุ10 ปีในวันจันทร์ทำให้นักลงทุน มีความมั่นใจมากพอที่จะกลับไปซื้อหุ้นเทคโนโลยี
      
นักลงทุนรอการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธันวาคมในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ให้ชัดเจนขึ้น ขณะที่ในวันศุกร์จะมีการรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI)
      
นอกจากนี้ยังจับตาการรายงานผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วจากธนาคารใหญ่ทั้ง เจพีมอร์แกน, เวลลส์ ฟาร์โก, แบงก์ออฟอเมริกา

      
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก จากการปรับขึ้นของกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มค้าปลีก ขณะที่กลุ่มพลังงานอ่อนตัวลงจากราคาน้ำมันที่ลดลง
      
กลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 1.2% และกลุ่มค้าปลีกบวก 1.2%
      
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซลดลง 2.6% หลังราคาน้ำมันดิบลดลงกว่า 3% หลังซาอุดีอาระเบียปรับลดราคาน้ำมันลงอย่างมาก และผลผลิตของโอเปกเพิ่มขึ้น
      
หุ้นเชลล์ลดลง 3.1% หลังตั้งสถานะการด้อยค่าสินทรัพย์สูงถึง 4.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4
      
หุ้นแอร์บัสเพิ่มขึ้น 2.5% หลังสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) สั่งระงับใช้เครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX9  
      
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่รายงานในวันจันทร์ คำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน ของเยอรมนีเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาด  ขณะที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเดือนมกราคม ในยูโรโซนดีขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
      
ตลาดจับตาการรายงานผลประกอบการรายไตรมาสของสหรัฐที่จะเริ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ และรายงานเงินเฟ้อของสหรัฐในวันพฤหัสบดีซึ่งจะกำหนดทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก
      
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 478.18 จุด เพิ่มขึ้น 1.80 จุด, +0.38%
 
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,694.19 จุด เพิ่มขึ้น 4.58 จุด, +0.06%
 
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,450.24 จุด เพิ่มขึ้น 29.55 จุด, +0.40%,
  
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่  16,716.47 จุด เพิ่มขึ้น 122.26 จุด, +0.74%
      
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 3.04 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 70.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมีนาคมลดลง 2.64 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 76.12  ดอลลาร์ต่อบาร์เรล