ดาวโจนส์ปิดลบ 122 จุด ทรัมป์ชะลอเก็บภาษีเม็กซิโก

HoonSmat.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลบ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 122 จุด ฟื้นตัวจากร่วงแรงในช่วงแรก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศระงับการเก็บภาษีศุลกากรจากเม็กซิโกเป็นเวลา 1 เดือน ด้านบอนด์ยีลด์ลดลงต่อเนื่อง นักลงทุนหันซบสินทรัพย์ปลอดภัย “พันธบัตร-ทองคำ” ด้านราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ปิดที่ 44,421.91 จุด ลดลง 122.75 จุด หรือ -0.28% แต่ฟื้นตัวจากที่ร่วงลงแรงในช่วงแรก หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศระงับการเก็บภาษีศุลกากรจากเม็กซิโกเป็นเวลาหนึ่งเดือน

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,994.57 จุด ลดลง 45.96 จุด, -0.76%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,391.96 จุด ลดลง 235.49 จุด, -1.20%

ในช่วงแรกของการซื้อขายทั้งสามดัชนีหลักดิ่งลง โดยดัชนีดาวโจนส์ลงไปถึง 1.49% หรือราว 665 จุดแตะระดับต่ำสุดของวันที่ 43,879.06 จุด ส่วนดัชนี S&P 500 ลดลงถึง 1.93% และดัชนี Nasdaq Composite ลดลง 2.48% จากคำสั่งเก็บภาษี 3 ประเทศของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ โดยเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% และเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 10% โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลงเนื่องจากนักลงทุนแห่ไปหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่า เช่น พันธบัตรและทองคำ

แต่ตลาดฟื้นตัวขึ้นประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศชะลอแผนการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกออกไป 1 เดือน หลังจากประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบาม เม็กซิโก ตกลงที่จะส่งกองกำลังทหารจำนวน 10,000 นายไปประจำการตามแนวชายแดนตอนเหนือเพื่อป้องกันการลักลอบนำยาเสพติดจากเม็กซิโกเข้าสู่สหรัฐฯ โดยเฉพาะยาเฟนทานิล

การระงับการเก็บภาษีศุลกากรจากเม็กซิโกตอกย้ำมุมมองเชิงบวกของนักลงทุนบางส่วนว่าการเก็บภาษีศุลกากรจากทุกประเทศอาจเป็นเครื่องมือในการเจรจาของทรัมป์ และนักลงทุนไม่ควรมีปฏิกิริยาเกินไปตั้งแต่แรก

นักเศรษฐศาสตร์ของ Morgan Stanley ประมาณการว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ อาจสูงขึ้น 0.3 ถึง 0.6 จุด เทียบกับกรณีฐานในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า (อัตราเงินเฟ้อ ที่วัดจากPCE ทั่วไปอยู่ที่ 2.9% ถึง 3.2%) และการเติบโตของสหรัฐฯ อาจลดลง -0.7 ถึง -1.1 จุด เมื่อเทียบกับกรณีพื้นฐาน ในช่วง 3-4 ไตรมาสข้างหน้า (การเติบโตของ GDP ที่แท้จริงอยู่ที่ 1.2% เป็น 1.6%)” หากมีการใช้มาตรการภาษีอย่างเต็มที่และไม่ใช่ชั่วคราว

หุ้นหลัก 5 ใน 11 กลุ่มของ S&P ปรับขึ้น โดยกลุ่ม defensive stock เช่น เฮลธ์แคร์และสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น ขณะที่เทคโนโลยีสารสนเทศและสินค้าฟุ่มเฟือยลดลงมากที่สุด

หุ้นผู้ผลิตรถยนต์ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากรที่กำลังจะเกิดขึ้น ฟื้นตัวขึ้นบ้าง โดยหุ้น Ford ลดลง 1.9% และหุ้น General Motors ลดลง 3.2%

บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งรายงานผลประกอบการรายไตรมาสในสัปดาห์นี้ หุ้น Tyson Foods เพิ่มขึ้น 2.2% หลังจากปรับเพิ่มการคาดการณ์ยอดขายประจำปี

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนมกราคมเพิ่มขึ้นมาที่ 50.9 ใน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 และสูงกว่า 49.8 ที่นักวิเคราะห์คาด

กระทรวงพาณิชย์ รายงานการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่า 0.2% ที่นักวิเคราะห์คาด และเมื่อเทียบรายปี เพิ่มขึ้น 4.3%

นักลงทุนจับตาการรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมกราคมในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จะเพิ่มขึ้นเพียง 154,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 4.1%

ตลาดยุโรปปิดลบนับเป็นการร่วงลงภายในวันเดียวครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่าหนึ่งเดือน นำโดยกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการประกาศเก็บภาษีศุลกากรล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อาจบานปลายไปสู่สงครามการค้าในวงกว้าง

ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีการค้า 25% จากแคนาดาและเม็กซิโก พร้อมด้วยการเก็บภาษี 10% จากจีน อย่างไรก็ตาม หลังจากการเจรจาเบื้องต้น ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า อัตราภาษีใหม่สำหรับเม็กซิโกจะถูกระงับชั่วคราวเป็นเวลาหนึ่งเดือน

ภาษีศุลกากรซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันอังคารตามเวลาในสหรัฐอเมริกา จะส่งผลกระทบต่อสินค้ามูลค่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ หรือกว่า 40% ของการนำเข้าทั้งหมดของสหรัฐฯ

กลุ่มรถยนต์ลดลง 2.4% และนำการปรับลงของตลาด โดยหุ้น Porsche AG, BMW, Mercedes-Benz และ Stellantis ต่างปิดในแดนลบ นักวิเคราะห์วิตกว่าการเก็บภาษีในเม็กซิโกอาจสร้างความเสียหายให้กับผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรปและซัพพลายเออร์มากกว่าการเก็บภาษีโดยตรงสำหรับสินค้าของสหภาพยุโรป

กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีตลาดในจีนก็ลดลงเช่นกันหลังจากประกาศเก็บภาษี โดย LVMH และ Kering ลดลง 1.9% และ 3.8% ตามลำดับ

กลุ่มทรัพยากรพื้นฐานลดลง 1% จากราคาโลหะส่วนใหญ่ที่ลดลงหลังการประกาศเก็บภาษีนำเข้า 10% ของทรัมป์จากจีนซึ่งเป็นผู้บริโภคโลหะรายใหญ่

กลุ่มผู้ผลิตสุราเช่น Heineken, Pernod Ricard SA และ Diageo ของสหราชอาณาจักร ลดลงระหว่าง 1.3% ถึง 2.2%

ในขณะเดียวกัน พันธบัตรยูโรโซนก็ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

หุ้น Julius Baer ธนาคารสวิส ลดลง 12.7% เป็นการลดลงภายในวันเดียวที่มากสุดในรอบทศวรรษหลังจากประกาศแผนลดพนักงานลงประมาณ 5% ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของบริษัท

นักลงทุนจับตาร่างกฎหมายงบประมาณของฝรั่งเศสปี 2025 ซึ่งนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ฟรองซัวส์ บายรู ผลักดันผ่านรัฐสภาโดยใช้อำนาจพิเศษตามรัฐธรรมนูญ

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 534.85 จุด ลดลง 4.68 จุด, -0.87%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,583.56 จุด ลดลง 90.40 จุด, -1.04%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,854.92 จุด ลดลง 95.25 จุด, -1.20%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 21,428.24 จุด ลดลง 303.81 จุด, -1.40%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 0.87% ปิดที่ 73.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 29 เซนต์ หรือ 0.38% ปิดที่ 75.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล