HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วง ดัชนีดาวโจนส์ลบ 337 จุด หลัง “ทรัมป์” เริ่มใช้มาตรการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% และจีน 10% เริ่ม 1 ก.พ.นี้ ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ลดลง ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 31 มกราคม 2568 ปิดที่ 44,544.66 จุด ลดลง 337.47 จุด หรือ -0.75% หลังจากทำเนียบขาวประกาศว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ จะใช้มาตรการเก็บภาษี 25% สำหรับการนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก และ 10% สำหรับสินค้าจีนในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,040.53 จุด ลดลง 30.64 จุด,-0.50%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,627.44 จุด ลดลง 54.31 จุด, -0.28%
ในสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 0.3% ดัชนี S&P500 ลดลง 1% และ ดัชนี Nasdaq ลดลง 1.6% อย่างไรก็ตาม ทั้งสามดัชนีหลักเป็นบวกในรอบเดือนนี้ โดยดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 2.7% และ ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 1.6% แต่ดัชนีดาวโจนส์ทำผลงานได้ดีกว่าพุ่งขึ้น 4.7%
ในช่วงเช้าของวันศุกร์ การเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจตอกย้ำความคาดหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะคงอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังแข็งแกร่งและอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นปานกลางในเดือนธันวาคม
กระทรวงพาณิชย์รายงาน ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงานเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาด จากที่เพิ่มขึ้น 2.4% ในเดือนพฤศจิกายน ส่วนเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป เพิ่มขึ้นขึ้น 0.3% สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากที่เพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนพฤศจิกายน และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.2% สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
สก็อตต์ เร็น นักกลยุทธ์การตลาดอาวุโสระดับโลก Wells Fargo Investment Institute กล่าวว่า “เห็นได้ชัดว่า มันสมเหตุสมผลอย่างมากที่เฟดไม่ได้ทำอะไรเลยในสัปดาห์นี้ และมันก็สมเหตุสมผล ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์จะบอกว่าไม่รีบร้อนที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลง
ในช่วงแรกตลาดปรับตัวขึ้น โดยที่ระดับสูงสุดของวัน ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นมากกว่า 170 จุด แต่อ่อนตัวลงหลังจากที่โฆษกทำเนียบขาว คาโรไลน์ เลวิตต์ ประกาศเมื่อบ่ายวันศุกร์ว่า มาตรการภาษีของประธานาธิบดีพร้อมให้สาธารณชนตรวจสอบได้ในบางช่วงของวันเสาร์ ทรัมป์จะเก็บภาษี 25% สำหรับแคนาดาและเม็กซิโกและเก็บภาษี 10% สำหรับจีน
หุ้นที่มีธุรกิจกับตลาดเหล่านี้ต่าตอบสนองต่อข่าว เช่น Constellation Brands ผู้ผลิตเบียร์ Corona และ Chipotle ร้านอาหารเม็กซิกัน ลดลงเกือบ 2% และ 1% ตามลำดับ
นักลงทุนยังให้ความสนใจกับการรายงานผลประกอบการ อีกด้วยโดย Apple ลดลง 0.7% จากที่ขยับสูงขึ้นในช่วงต้นการซื้อขาย หลังจากที่ผู้บริหารบริษัทให้ความเห็นเชิงบวกต่อผลประกอบการ ซึ่งเป็นสัญญาณที่คาดว่าจะฟื้นตัวจากยอดขาย iPhone ที่ตกต่ำ จากการเปิดตัวฟีเจอร์ AI
กลุ่มพลังงานนำการปรับลงในดัชนี S&P 500 โดยหุ้น Chevron และหุ้น Exxon Mobil ลดลง 4.6% และ 2.5% ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลมาจากผลประกอบการไตรมาสสี่ที่น่าผิดหวัง
นักลงทุนต่างเตรียมพร้อมสำหรับข่าวการเก็บภาษีเพิ่มเติม หลังจากที่ทรัมป์เตือนหลายครั้งว่าจะใช้มาตรการดังกล่าว ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีศุลกากรได้ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ
หลังปิดตลาด ทรัมป์กล่าวว่าเขาคาดว่าฝ่ายบริหารของเขาจะเรียกเก็บภาษีที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันและก๊าซประมาณวันที่ 18 กุมภาพันธ์ แต่ไม่ได้ระบุชื่อประเทศใดโดยเฉพาะที่จะใช้ภาษีดังกล่าวหรือให้รายละเอียดเพิ่มเติมของแผน
ตลาดยุโรปปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังการายงานผลประกอบการของ Novartis และ Hexagon กลบความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
กลุ่มเทคโนโลยี เพิ่มขึ้น1.7% โดยหุ้น Hexagon ปรับขึ้นมากที่สุด 8.9% หลังรายงานผลกำไรจากการดำเนินงานไตรมาสสี่ที่สูงเกินคาด
หุ้น ASML ผู้ผลิตชิปบวก 2.3% เป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องหลังรายงาผลการดำเนินงานที่สดใสตั้งแต่วันพุธ
กลุ่มเฮลธ์แคร์บวก 0.4% โดยหุ้น Novartis เพิ่มขึ้น 1.9% หลังจากบริษัทประกาศกำไรสุทธิที่ปรับใหม่รายไตรมาสดีเกินคาด จากยอดขายที่แข็งแกร่งของยา Entresto ยารักษาภาวะหัวใจล้มเหลว และยา Kesimpta สำหรับโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
หุ้น Commerzbank ธนาคารใหญ่ของเยอรมนีบวก 1.7% หลังรายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 20% ในปี 2024
นักลงทุนลงทุนมากขึ้น จากสัญญาณที่ว่าธนาคารกลางยุโรป(ECB)อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนมีนาคมจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยคาดว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้รวมประมาณ 0.79% ตามข้อมูล LSEG
อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังกังวลก่อนเส้นตายวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะจัดเก็บภาษีนำเข้าจากสหภาพยุโรป แต่ไม่ได้ให้ความชัดเจนมากนัก
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 539.53 จุด เพิ่มขึ้น 0.69 จุด, +0.13% เพิ่มขึ้นติดต่อกันวันที่ 4 และเพิ่มขึ้นติดต่อกันสัปดาห์ที่หก ซึ่งนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2024
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,673.96 จุด เพิ่มขึ้น 27.08 จุด, +0.31%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,950.17 จุด เพิ่มขึ้น 8.53 จุด, +0.11%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 21,732.05 จุด เพิ่มขึ้น 4.85 จุด,+0.02%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคมลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 72.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.14% ปิดที่ 76.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล