CGSI คาดดัชนี SET แกว่งไซด์เวย์ ตลาดยังเป็นขาลง

HoonSmart.com>>บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI คาดดัชนี่ SET แกว่งไซด์เวย์แถว 1,320-1,350 จุด ตลาดยังอยู่ในช่วงขาลง DELTA ยังเผชิญรแงกดดันจากการมาของ DeepSeek-AI ต้นทุนต่ำจากจีน และคาดงบฯไตรมาส 4/67 ชะลอตัว ติดตามนโยบายกำแพงภาษีของ”ทรัมป์” พร้อมเชียร์ SCB, WHA

บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI คาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหว Sideway บริเวณ 1,320-1,350 จุด โดยมองว่าตลาดหุ้นไทยจะยังอยู่ในช่วงขาลง หากหุ้นขนาดใหญ่ที่ส่งผลต่อดัชนี SET อย่าง DELTA ยังคงเผชิญแรงกดดันจากกระแสการมาของ DeepSeek-AI ต้นทุนต่ำจากจีน รวมถึงคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 ที่คาดว่าจะชะลอตัวลง yoy จากผลกระทบของอัตราภาษีที่สูงขึ้นและการเติบโตของธุรกิจ non-data centre ที่ค่อนข้างซบเซา

ติดตามนโยบายกำแพงภาษีของทรัมป์เพิ่มเติม หลังการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา จะส่งผลให้หนึ่งในสินค้าหลักอย่างน้ำมันดิบมีราคาสูงขึ้นในสหรัฐ และอาจทำให้อุปสงค์น้ำมันดิบจากตะวันออกกลางเพิ่มสูงขึ้นแทน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโรงกลั่นในเอเชีย รวมถึงไทย

นอกจากนี้ ไทยอาจเผชิญกับปัญหาสินค้าจีนทะลักเข้ามาในไทย หลังทรัมป์ส่งสัญญาณขึ้นภาษีสินค้านำเข้ารวมถึงจีนด้วย อีกทั้ง สหรัฐยังเป็นตลาดส่งออกหลักของไทยและไทยมีการเกินดุลกับสหรัฐสูงขึ้น นับเป็นอันดับสองของอาเซียน ส่งผลให้หุ้นกลุ่มส่งออกของไทยอาจเผชิญความเสี่ยงจากภาษีศุลกากรของทรัมป์เช่นกัน

สำหรับปัจจัยในประเทศ ติดตามรายงานตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนธ.ค. ของไทย และ รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 Real Sector เพิ่มเติม (ADVANC THCOM 7 ก.พ.)

หุ้นแนะนำ SCB มีกำไรสุทธิสูงกว่าประมาณการกำไรไตรมาส 4 ปี 2567 ที่ 10.4% เพราะมีอัตราการสำรองหนี้สูญต่ำกว่าคาดที่ 162bp ในไตรมาส 4 ปี 2567 (คาดไว้ 180bp) และเชื่อว่า SCB จะสามารถคงอัตราการจ่ายเงินปันผลไว้สูงถึง 80% เนื่องจากมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งและท่ามกลางบรรยากาศที่สินเชื่อที่อัตราการขยายตัวช้าในปี 2568-2569 (Take profit : 127.5 / Stop loss : 124.5)

WHA ยังคงแนะนำเข้าสะสมหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จาก Data Centre โดย WHA ตั้งเป้ายอดขายที่ดินปีนี้ที่ 2,350 ไร่ ขณะที่เล็งเห็น upside risk จากการขายที่ดินล็อตใหญ่ บริษัทยังได้ตั้งเป้าโครงการใหม่ 200k ตรม. แต่จะลดการขายที่ดินให้กับ REIT เหลือ 70k ตรม. ในปี 2025 ยังแนะนำ “ซื้อ” เพราะธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมยังมีอุปสงค์แข็งแกร่งและกำไรสุทธิน่าจะเติบโตสูงขึ้นในปี 2568 (Take profit : 5.05 / Stop loss : 4.84)

ตลาดหุ้นสหรัฐผันผวนก่อนรีบาวด์ปิดบวก ขานรับผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 หุ้นเทคฯ ชั้นนำส่วนใหญ่ที่ออกมาสดใส (IBM +13.0%, Tesla +2.9%, Meta +1.6%) สวนทางกับ Microsoft (-6.2%) ที่ร่วงลงมาหลังธุรกิจ Azure cloud มีการเติบโตต่ำกว่าที่ตลาดคาด อีกทั้งบริษัทได้คาดการณ์อัตราการเติบโตของ capex ในปี 2569 ลดลง yoy

ตลาดยังเผชิญแรงกดดันจากภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ยืนยันจะเรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก-แคนาดา ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ให้กับสหรัฐ อัตรา 25% วันเสาร์นี้ (1 ก.พ.) ฉุดให้ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดบวก +0.4% และ สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างราคาทองคำปรับตัวขึ้น +1.9%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงระมัดระวังในการซื้อขายหลังตัวเลขการเติบโต GDP ไตรมาส 4 ปี 2567 อยู่ที่ 2.3% qoq ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 2.7% (ไตรมาส 3 ปี 2567 ที่ 3.1%) กดดันให้บอนด์ยีลด์สหรัฐ 10 ปี ปรับตัวลงมาที่ 4.5% ดอลลาร์อ่อนค่า (Dollar index ลดลงมาที่ 107.8) ขณะที่จำนวนผู้ยืนขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ลดลง 16,000 ราย มาที่ระดับ 2.07 แสนราย

จับตารายงานผลประกอบการ Amazon ในสัปดาห์หน้า รวมถึงรายงานตัวเลขดัชนี PCE สหรัฐเดือนธ.ค. วันนี้

ด้านตลาดหุ้นยุโรปยังคงปิดทำนิวไฮต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 (STOXX60 ปิดที่ 539 จุด) ขานรับ ECB มีมติลดอัตราดอกเบี้ยลง 25bp สู่ระดับ 2.9% สอดคล้องกับที่ตลาดคาด เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลงต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่จะลดลงมาสู่ระดับเป้าหมาย 2% ในปีนี้

สำหรับงบบริษัทจดทะเบียน Apple รายงานรายได้ไตรมาส 4 ปี 2567 ที่ 124.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ (+4% yoy) ต่ำกว่าตลาดคาดเล็กน้อยที่ 124.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ กำไรที่ 36.33 พันล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่าตลาดคาด 35.62 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนที่ต้องจ่ายค่าปรับให้กับหน่วยงานกำกับดูแลของยุโรป

IBM รายงานรายได้ที่ 17.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่าตลาดคาดที่ 17.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ adjusted EPS ที่ 3.92 เหรียญสหรัฐ สูงกว่าตลาดคาดที่ 3.74 เหรียญสหรัฐ