ดาวโจนส์ปิดบวก 168 จุด ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีกำไรดี

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวก ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 168 จุด รับผลประกอบการยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี  “ทรัมป์” ประกาศจะเก็บภาษี 25% สินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา ทำให้นักลงทุนระวังการลงทุน หวั่นกระทบเศรษฐกิจและเงินเฟ้อสหรัฐ ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปีที่แล้วเติบโตเพียง 2.3% ต่ำกว่าคาดที่ 2.5% ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดนิวไฮ นำโดยหุ้นอสังหาริมทรัพย์ หลัง ECB ปรับลดดอกเบี้ย 0.25% มาที่ 2.75%ตามคาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 30 ม.ค. 2568 ปิดที่ 44,882.13 จุด เพิ่มขึ้น 168.61 จุด หรือ +0.38% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน นักลงทุนขานรับผลประกอบการบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ แต่การซื้อขายผันผวนหลัง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันว่าจะเก็บภาษีนำเข้า 25% จากเม็กซิโกและแคนาดา

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,071.17 จุด เพิ่มขึ้น 31.86 จุด, +0.53%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,681.75 จุด เพิ่มขึ้น 49.43 จุด, +0.25%

ตลาดพุ่งขึ้นอย่างแรงในช่วงบ่าย จากการขานรับผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูง ขณะที่รอผลการดำเนินงานของบริษัทกลุ่ม Magnificent Seven อื่นๆ หลังปิดตลาด ทั้ง Apple และ Amazon เพื่อหาสัญญานเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่

หุ้นของ Tesla เพิ่มขึ้น 2.9% แม้รายได้ต่ำกว่าคาดการณ์ เนื่องจากนักลงทุนเชื่อในคำมั่นของบริษัทที่ว่าจะกลับมาเติบโตในปี 2025 ซึ่งช่วยลดความผิดหวังจากการคาดการณ์แนวโน้มของ Microsoft ที่ราคาหุ้นลดลง 6% จากรายได้ของธุรกิจคลาวด์ลดลงและต่ำกว่าคาด ส่วนหุ้น Meta Platforms บวก 1.6% จากรายได้และกำไรดีกว่าคาด

นักลงทุนยังประเมินความเห็นจากซีอีโอของ Meta และ Microsoft ที่ยืนยันการทุ่มลงทุนในด้านปัญญาประดิษฐ์ หลังจากสตาร์ทอัพจีน DeepSeek เปิดเผยการพัฒนาในโมเดล AI ราคาถูกที่เขย่าตลาดหุ้น และทำให้เกิดการเทขายหุ้นที่เชื่อมโยงกับ AI

แต่ตลาดปรับตัวลงก่อนปิดการซื้อขาย จากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศ ถึงความตั้งใจที่จะเก็บภาษี 25% สินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา โดยกล่าวว่าเขาน่าจะตัดสินใจภายในสิ้นวันนี้ว่าจะเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันของเม็กซิโกและแคนาดา 25% โดยให้มีผลในวันที่ 1 ก.พ.หรือไม่

ความกังวลเกี่ยวกับการเก็บภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์และผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนระมัดระวัง

โอลิเวอร์ เพิร์ช รองประธานอาวุโส ที่ปรึกษา Wealthspire Advisors กล่าวว่า ยากมากสำหรับตลาดที่จะมีแนวโน้มที่ชัดเจนและต่อเนื่อง จนกว่าจะเข้าใจว่านโยบายภาษีและนโยบายการคลังแบบไหนที่จะใช้

นักลงทุนยังระมัดระวังการลงทุนหลังกระทรวงพาณิชย์ รายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4 ปีที่แล้วเติบโตเพียง 2.3% ซึ่งต่ำกว่า 2.5% ที่นักวิเคราะห์คาด

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจอื่นได้แก่ จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วจากกระทรวงแรงงาน ซึ่งลดลง 16,000 ราย มาที่ 207,000 ราย ต่ำกว่า 220,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐฯ (NAR) รายงาน ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธันวาคมลดลง 5.5% เมื่อเทียบรายเดือน มาที่ 74.2 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าทรงตัว

นักลงทุนยังรอการรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล(PCE )เดือนธันวาคมในวันศุกร์ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี PCE จะเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายปี และดัชนี PCE พื้นฐาน จะเพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบรายปี

ตลาดยุโรปปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นำโดยหุ้นอสังหาริมทรัพย์ นักลงทุนขานรับการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มขึ้นของธนาคารกลางยุโรป(ECB) และผลการดำเนินงานของของบริษัทจดทะเบียน บวกกับความเชื่อมั่นดีขึ้นหลังการเทขายหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก

ECB ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% มาที่ 2.75% ตามคาดซึ่งเป็นการปรับลดครั้งที่ 5 ติดต่อกัน และเปิดทางสู่การผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมอีก เพราะมีความกังวลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซามากกว่ากังวลเรื่องเงินเฟ้อ การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้น หลังข้อมูลแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจยูโรโซนซบเซาเกินคาดในไตรมาสที่แล้ว

นักลงทุนคาดว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยรวมประมาณ 0.70% ภายในสิ้นปีนี้

หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ซึ่งอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 1.9% หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมนีลดลง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยเพิ่มขึ้น 1.1% เป็นการฟื้นตัวจากการเทขายเมื่อต้นสัปดาห์ อันเนื่องจากการเปิดตัวโมเดล AI ต้นทุนต่ำจากบริษัท DeepSeek ของจีน

หุ้น Deutsche Bank ธนาคารใหญ่สุดของเยอรมนีลดลง 3.2% หลังรายงานผลกำไรไตรมาส 4 และผลกำไรทั้งปี 2567 ลดลงมากกว่าที่คาด
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 538.84 จุด เพิ่มขึ้น 4.58 จุด, +0.86%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,646.88 จุด เพิ่มขึ้น 89.07 จุด, +1.04%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,941.64 จุด เพิ่มขึ้น 69.16 จุด, +0.88%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 21,727.20 จุด เพิ่มขึ้น 89.67 จุด, +0.41%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 11 เซนต์ หรือ 0.15% ปิดที่ 72.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.38% ปิดที่ 76.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล