ประกันภัยตื่นความเสี่ยงอุบัติใหม่ ทุ่มกำลังคนเตรียมพร้อมรับมือ

HoonSmart.com>>บริษัทประกันภัยยกระดับเฝ้าระวังความเสี่ยงอุบัติใหม่ จัดกำลังคนสแกนภัยในทุกด้าน น่ากลัวสุดอยู่ที่ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ กระทบประกันภัยทรัพย์สิน ชีวิต สังคม สุขภาพ ปรับไม่ทันมีสิทธิเดี้ยง

ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวในงาน สัมมนาการประกันภัย ครั้งที่ 29 หัวข้อ “การบริหารจัดการความเสี่ยงอุบัติใหม่: ความท้าทายของธุรกิจประกันภัยในทศวรรษหน้า” ว่า เป็นการเสนอความรู้ มุมมอง และแนวทางในการบริหารจัดการความเสี่ยงอุบัติใหม่ เพื่อให้ธุรกิจประกันวินาศภัยสามารถทำหน้าที่เป็นผู้บริหารความเสี่ยงมืออาชีพที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการความคุ้มครองด้านประกันภัยของทุกภาคส่วนได้อย่างเหมาะสม

ความเสี่ยงสูงสุดที่ต้องเฝ้าระวังและเตรียมกำลังคนรับมืออย่างใกล้ชิด อันดับหนึ่ง คือ ความเสี่ยงด้านความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งในรายงานความเสี่ยงระดับโลก The Global Risk Report 2025 ที่ World Economic Forum ได้จัดทำและเผยแพร่ล่าสุด ย้ำชัดว่าเป็นความเสี่ยงที่ขึ้นแท่นอันดับ 1 ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า

เพราะว่าในทุกภูมิภาคของโลกนี้ มีสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป หลายที่ไม่เคยมีภัย ก็เกิดภัยนั้นขึ้น เช่น ไทย ปีนี้เผชิญกับอากาศหนาว เกิดแม่คะนิ้ง หรือหิมะย่อมๆ ทั้งที่ไม่เคยมีในพื้นที่ดังกล่าว และบางประเทศไม่เคยมีน้ำท่วม ไม่เคยมีไต้ฝุ่น ไม่เคยมีเฮอริเคน ก็มี รวมถึงไฟป่า ที่เกิดขึ้นในแคลิฟอเนียที่เกิดขึ้นครั้งใหญ่ ทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน สุขภาพ และสังคม

อันดับสอง วิวัฒนาการทางเทคโนโลยี ทำให้เกิดความเสี่ยงเรื่องเทคโนโลยี AI ซึ่งถูกจัดอยู่ใน Top 5 ด้วยเช่นกัน จะสังเกตได้ว่ามีการใช้เทคโนโลยีในการล่อลวง หลอก หรือแสกม แม้กระทั่งการใช้เอไอดัดแปลงภาพเสียงและหลอกคนได้ ล้วนเป็นภัยอุบัติใหม่

อันดับสาม ทั่วโลกเผชิญปัญหาโครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมสูงอายุ

อันดับสี่ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เป็นภัยที่ต้องระมัดระวัง

อันดับห้า การบริหารจัดการต้นทุนมนุษย์

ปัจจัยดังกล่าว ได้ก่อให้เกิดความท้าท้ายกับธุรกิจประกันภัยทั่วโลกรวมถึงธุรกิจประกันวินาศภัยไทย ในการกำหนดกลยุทธ์และพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยการดำเนินธุรกิจประกันภัยในปัจจุบันจำเป็นต้องอาศัยความรู้รอบ ความรอบรู้ และการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกให้สามารถบริหารความเสี่ยงและแสวงหาโอกาสจากภูมิทัศน์ความเสี่ยงที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะความเสี่ยงอุบัติใหม่ที่ยากต่อการคาดการณ์และบริหารจัดการ

“ทุกบริษัทประกันภัย เห็นถึงภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั่วโลก และมีการพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง จึงมีความตื่นตัวในการยกระดับความพร้อมของคนประกันภัยให้เท่าทันต่อความเสี่ยงอุบัติใหม่ดังกล่าวในการพิจารณารับประกันภัยให้สอดคล้องกับความเสี่ยงด้วย เพราะภัยแต่ละครั้งมีความรุนแรงมากขึ้น ถ้าคนไม่พร้อมอาจจะทำให้บริษัทประกันภัยนั้นๆ เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงได้เช่นได้ ทำให้มีผู้สนใจเข้าร่วมสัมมนาอย่างล้นหลามกว่า 350 คนจากทุกแผนกทุกฝ่าย และจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัยด้วย”ดร.สมพร กล่าว

ผลกระทบต่อเบี้ยประกันภัยของประชาชน

ดร.สมพร กล่าวว่า ภัยธรรมชาติที่เกิดจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ที่เข้าสู่ยุคโลกเดือดแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา เกิดภัยป่าอย่างมากมาย ทางประกันภัยในสหรัฐอเมริกา มีการคาดการณ์ว่า 3-5 ปี จะมีการจำกัดความรับผิด หรือ จำกัดความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากไฟป่า ซึ่งบ้านหลายหลังในแคลิฟอร์เนียที่ถูกไฟไหม้ ไม่มีประกันภัย

สำหรับ ในไทย ไฟป่าอาจยังไม่มี แต่ถึงเวลาที่ภาครัฐและเอกชนต้องร่วมกันคิดหาทางรับมือ เพราะเป็นความเดือดร้อนของประชาชน ในขณะที่ไทยมีความเสี่ยงที่ต้องระวังในขณะนี้ ได้แก่ หนึ่ง ฝุ่น PM 2.5 จากข้อมูลดาวเทียมจุดที่ทำให้เกิดฝุ่นมี 58 จุด ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านมีเป็นพันจุด ที่ไหลข้ามประเทศมาที่ไทย เป็นภัยพิบัติของคนไทย มีผลต่อสุขภาพ เป็นความเสี่ยงของประกันภัย เพราะในประกันสุขภาพมีการคุ้มครองโรคจากมลพิษทางอากาศ PM 2.5 รวมถึงโรคอุบัติใหม่ที่มีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
สอง น้ำท่วม บางพื้นที่ บางจังหวัด ไม่เคยมีประวัติศาสตร์น้ำท่วมรุนแรง

” จากสถานการณ์ข้างต้น ยังไม่กระทบต่อเบี้ยประกันภัยของประชาชน เพราะบริษัทไทยส่วนใหญ่มีการต่อสัญญาประกันภัยตั้งแต่ปลายปี 2567 ต้นทุนยังเท่าเดิม ประกอบกับการแข่งขันยังใช้เรื่องราคาเข้ามาแข่งกันอยู่ คาดว่าเบี้ยประกันภัยทรัพย์สินจะไม่ถูกปรับขึ้น แม้บริษัทที่มีต้นทุนสูงขึ้น ก็อาจจะขึ้นราคาไม่ได้ เพราะอาจทำให้ลูกค้าหายไป “ดร.สมพร กล่าว

ผลกระทบต่อบริษัทประกันภัย

บริษัทประกันภัยมีความระมัดระวังในการรับประกันมากขึ้น เพราะเป็นผู้รวบรวมความเสี่ยงจากสังคม ประชาชน ธุรกิจ มาไว้ ซึ่งต้องมีทีมงานพิจารณารับประกันภัยที่ใช้ความระมัดระวังสูง
การบริหารจัดการ เรื่องประกันภัยต่อ เพราะพอมีมหันตภัยเกิดขึ้นในโลก เกิดความเสียหายรุนแรงขึ้น หากไม่ได้ทำประกันภัยต่อ จะส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของประกันอย่างรุนแรงด้วย

ความคุ้มครองภัยอุบัติใหม่

ดร.สมพร กล่าวว่า กรณีการใช้เทคโนโลยีมาทำการหลอกลวง จะมีความคุ้มครองที่เรียกว่าไซเบอร์อินชัวรันส์ ซึ่งมีความคุ้มครองหลายระดับ ตั้งแต่ดูแลองค์กรขนาดใหญ่ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กหรือเอสเอ็มอี และคุ้มครองเป็นรายบุคคล ที่สามารถจะช่วยให้ประชาชนมีความคุ้มครองชดเชยกรณีเกิดความเสียหายเมื่อพลาดท่ามิจฉาชีพ
เพราะทุกคนทุกวันนี้ใช้โทรศัพท์มือถือ หลีกเลี่ยงไม่ได้ ใช้ในการสื่อสาร ใช้ในการช่วยจัดการทางการเงิน การซื้อการขาย ทำให้อาชญากรสามารถเข้ามาล่อลวง และหลอกลวงได้ ที่ผ่านมามีข่าวเกิดขึ้นให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง อย่างการซื้อของออนไลน์แล้วได้ของไม่ตรงปก

ประกันคุ้มครองทรัพย์สินจากภัยธรรมชาติ ซึ่งปี 2568 นี้ถือว่าเหตุการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ที่แคลิฟอร์เนียเกิดขึ้นปลายปี ซึ่งบริษัทประกันภัยในไทยมีการซื้อประกันภัยต่อให้กับลูกค้าไปเรียบร้อยแล้วก่อนหน้านั้น ที่เรียกว่าได้ทำการต่อสัญญาประกันภัยต่อ ส่วนบริษัทประกันไหนที่มีการต่อสัญญาประกันภัยต่อในช่วงเดือนมี.ค.2568 จะถูกปรับขึ้นเบี้ยจากเหตุการณ์ไฟป่าที่แคลิฟอร์เนียเข้าไปด้วย


โอกาสจากวิกฤต

ดร.สมพร กล่าวว่า การสัมมนาในครั้งนี้ต้องการที่จะให้บริษัทประกันภัยได้ใช้วิกฤตของความเสี่ยงที่เกิดขึ้นมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การบริหารความเสี่ยงของธุรกิจประกันวินาศภัยก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์ความเสี่ยงและสามารถแสวงหาโอกาสที่จะเกิดขึ้น และมีส่วนสำคัญในการเข้าไปมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสนับสนุนธุรกิจ เศรษฐกิจและสังคม เติบโตไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

ยกตัวอย่าง วิกฤต PM 2.5 ทำให้ประชาชนต้องการประกันสุขภาพเพื่อคุ้มครองการเจ็บป่วยจากฝุ่นPM 2.5 เป็นโอกาสที่จะขยายตลาดได้ รวมถึงภัยธรรมชาติ จากที่เมื่อก่อนประชาชนไม่เคยนึกถึง ปัจจุบันมีการซื้อประกันภัยน้ำท่วมเพิ่มขึ้น ประกันภัยนักท่องเที่ยว จากการกลับมาของนักท่องเที่ยว ธุรกิจต่างๆ เริ่มกลับมาทำธุรกิจตามปกติ

ภาคการผลิต มีการเริ่มกลับมาผลิต การลงทุนเดินหน้า โดยเฉพาะในโครงการก่อสร้างใหญ่ๆ ทั้งของภาครัฐและเอกชน

ดึง 4 ผู้เชี่ยวชาญให้ข้อมูล

สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้ มี 4 วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ การจัดการและการสื่อสารในภาวะวิกฤต เทคโนโลยี AI และทุนมนุษย์ มานำเสนอความรู้ ข้อมูลเชิงลึก และแนวคิด ที่ธุรกิจประกันวินาศภัยสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง ประกอบด้วย

รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต บรรยายในหัวข้อ “2573 น้ำจะท่วมกรุงเทพจริงหรือ”

นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น บรรยายในหัวข้อ “การจัดการและการสื่อสารในภาวะวิกฤต”

น.ส.กฤติยาณี บูรณตรีเวทย์ ทนายความหุ้นส่วน (Partner) บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด บรรยายในหัวข้อ “โลก AI วันนี้และความท้าทายในวันหน้า”

นางชุติมา สีบำรุงสาสน์ กรรมการและที่ปรึกษาอิสระ ด้านการบริหารธุรกิจและพัฒนาความยั่งยืนขององค์กร แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ในหัวข้อ “มนุษย์ทำงานเผ่าพันธุ์ไหนที่จะอยู่รอดได้ในอนาคต”

รายงานโดย วารุณี อินวันนา