บล.กรุงศรีเชียร์หุ้นไฟฟ้า CKP-GULF โดดเด่น

HoonSmart.com>>หุ้นไฟฟ้าคึกคัก บล.กรุงศรีชวนสะสมหุ้นได้ประโยชน์จากบอนด์ยีลด์ลดลง  รัฐเปิดประมูลพลังงานหมุนเวียนรอบ 2 ออกแผน PDP ฉบับใหม่  หนุนธุรกิจกำไรเติบโต ชู CKP ได้อานิสงส์มากที่สุดจากธีมการเปลี่ยนผ่านจากภาวะ El Nino  คาดกำไรจากธุรกิจหลักจะโตเฉลี่ย 27% ส่วน GULF จะเป็นหุ้นโรงไฟฟ้าที่แข็งแกร่ง กำไรโตชัดเจนทั้งในระยะกลางและยาว  ด้านค่าไฟงวดใหม่ยังไม่เข้าครม.”พีระพันธุ์” ขอดูราคาก๊าซก่อน

บล.กรุงศรี พัฒนสิน ชี้แนวทางการลงทุนในหุ้นกลุ่มไฟฟ้า คาดว่าจะมีกระแสข่าวบวกเข้ามาตลอดปี 2567  จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์)ที่มีแนวโน้มจะลดลงต่อเนื่อง จะช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค  คาดว่าจะมีปัจจัยบวกเข้ามา  เช่นมาร์จิ้นของไฟฟ้าที่ SPP ขายให้ IU จะเพิ่มขึ้นจากการปรับโครงสร้างราคา pool gas ซึ่งจะทำให้ต้นทุนก๊าซของ SPPs ลดลง นอกจากนี้ยังมีการเปิดประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนรอบ 2  (3.6GW) รวมถึงแผนออกแผน PDP ฉบับใหม่ในปี 2567 ซึ่งน่าจะมีการเปิดประมูลกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นอีกจาก 15% ในปัจจุบันเป็น 50% ภายในปี 2050 และกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังน้ำดีขึ้น เพราะได้รับผลกระทบจาก El Nino น้อยลง

รัฐบาลยังไม่สรุปค่า Ft (ม.ค.-เม.ย.2567) ซึ่งขึ้นอยู่กับราคา LNG ในตลาด spot โดย กกพ. สั่งให้ PTT คืนมูลค่าก๊าซที่ขาดไป ( 4,300 ล้านบาท) จากแหล่ง
เอราวัณ เพื่อมาอุดหนุนค่า Ft  คาดว่าค่า Ftจะอยู่ในช่วง 0.31-0.41 บาท/kWh (ค่าไฟฟ้าจะอยู่ที่ 4.1-4.2 บาท/kWh) ในขณะที่การปรับโครงสร้างราคา pool gas จะช่วยให้ margin ของไฟฟ้าที่ SPPs ขายให้ IU สูงขึ้น เพราะราคา pool gas ที่ลดลงจากโรงแยกก๊าซจะถูกนำเข้าไปรวมเป็น single pool แต่ประเด็นนี้อาจจะต้องใช้เวลานาน

สำหรับช่วงท้ายของ El Nino ซึ่งจะเปลี่ยนผ่านไปสู่ภาวะ neutral และ La Nina  จากแบบจำลองที่ใช้พยากรณ์สภาพอากาศ น่าจะเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ภาวะ neutral ในเดือนมิ.ย.2567 และเข้าสู่ภาวะ La Nina ในครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ ตามปกติแล้วปรากฎการณ์ El Nino จะกินเวลานาน 9-12 เดือน ในขณะที่ La Nina จะกินเวลานานกว่า โดยมักจะอยู่ในช่วงหนึ่งถึงสามปี ซึ่งจะช่วยหนุนให้กำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังน้ำพลิกตัวขึ้น

“เราเลือก CKP, GULF เป็นหุ้นเด่น CKP แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 4.10 บาท จะได้อานิสงส์มากที่สุดจากธีมการเปลี่ยนผ่านจากภาวะ El Nino คาดว่าผลประกอบการจะพลิกฟื้นโดยกำไรจากธุรกิจหลักจะโตเฉลี่ย 27% ในช่วงปี  2567-2568  ในขณะที่ GULF ให้ราคาเป้าหมาย 56 บาทจะเป็นหุ้นโรงไฟฟ้าที่แข็งแกร่ง เพราะมีโครงการ IPPs จำนวนมาก ในขณะที่กำไรมีแนวโน้มแข็งแกร่งชัดเจนทั้งในระยะกลางและยาว”บล.กรุงศรีฯระบุ

ส่วน EGCO แนะนำถือ ให้ราคาเป้าหมาย 132 บาท BCPG มูลค่า 9.20  บาท GPSC มูลค่า 55.36 บาท RATCH ราคา 39 บาท และ  BGRIM 21.25 บาท

ขณะที่ราคาหุ้น CKP ปิดที่ 3.36 บาท เพิ่มขึ้น 3.07 % GULF  ปิดที่ 45 บาทเพิ่มขึ้น 1.12% BGRIM ปิดที่ 28 บาท บวก 2.75%  ส่วนหุ้นโรงไฟฟ้าขนาดกลางและขนาดเล็กก็ปรับตัวขึ้น เช่น ACE  ปิดที่ 1.56 บาท บวก 1.96% สำหรับการซื้อขายครึ่งวันที่ 2 ม.ค.2567

ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยถึงการพิจารณาปรับขึ้นค่าไฟฟ้ารอบเดือน ม.ค.-เม.ย.67 ว่า ทางนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ได้แจ้งต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ยังไม่พร้อม โดยขอเวลารอดูราคาก๊าซธรรมชาติที่จะนำมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าก่อน

ก่อนหน้านี้ นายพีระพันธุ์ ระบุว่า ค่าไฟงวดม.ค.-เม.ย. 2567 จะปรับขึ้นจากรอบเดิม 3.99 บาท/หน่วย แต่ไม่ถึง 4.20 บาท/หน่วย