“โอสถสภา” กำไรสุทธิไตรมาส 3/61 กว่า 771.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.8% จากไตรมาสก่อนหน้า เหตุต้นทุนลด แต่เทียบงวดปีก่อนกำไรหด 13% งวด 9 เดือนกำไร 2,216.3 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในประเทศ (รวมซี-วิตและคาลพิส) เติบโตสูง มั่นใจหลังเปิดเตาหลอมแก้ว หนุนรายได้จากการขาย OEM กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ฉุดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง กำไรขั้นต้นดีขึ้น
บริษัท โอสถสภา (OSP) แจ้งกำไรสุทธิไตรมาส 3/61 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2561 จำนวน 771.9 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.31 บาท ลดลง 12.91% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 886.40 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.84 บาท ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2561 กำไรสุทธิ 2,216.31 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.28 บาท ลดลง 15.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 2,620.17 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 11.34 บาท
งวดไตรมาส 3/61 บริษัทมีรายได้รวม 6,062.60 ล้านบาท ลดลง 2.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากการขายลดลง 4.3% ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์ของใชส่วนบุคคลลดลง แต่การบริหารจัดการด้านซัพพลายเชนเพิ่มขึ้น ส่วน 9 เดือน รายได้รวมลดลง 2.5%
นายเพชร โอสถานุเคราะห์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท โอสถสภา (OSP) ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของไทยและในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า ไตรมาส 3/61 มีกำไรสุทธิ 771.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 661.1 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่ลดลง
ขณะที่บริษัทมีรายได้รวมจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มภายในประเทศ (รวมซี-วิตและคาลพิส) ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้เติบโต 1.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมสมุนไพรที่มีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นหลังจากปรับภาพลักษณ์สินค้า รายได้ของผลิตภัณฑ์ซี-วิตที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มที่มีการเติมส่วนผสมเพื่อให้คุณสมบัติเฉพาะ (Functional Drink) ส่วนผลิตภัณฑ์ฉลามผสมกระชายดำที่เปิดตัวใหม่ ก็สามารถสร้างยอดขายในช่วงเปิดตัวได้เป็นที่พอใจ ส่งผลให้บริษัทฯ ยังคงเป็นผู้นำในตลาดค้าปลีกเครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศ โดยมีเอ็ม-150 เป็นแบรนด์หลัก
รายได้จากการขายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลในงวด 9 เดือนแรกเติบโต 12.2% หรือคิดเป็น 1,776.7 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จจากการทำตลาดต่างประเทศและในประเทศที่เติบโตได้ดี ทั้งผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก เบบี้ มายด์ และผลิตภัณฑ์ทเวลฟ์ พลัส
“บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าผลกำไรของโอสถสภาจะเป็นไปตามเป้าหมายจากแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การควบคุมต้นทุนการผลิต การเพิ่มขีดความสามารถการทำกำไรขั้นต้น รวมถึงการเติบโตที่ดีของกลุ่ม Functional Drink และกลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าส่วนบุคคลที่จะทำให้โอสถสภาสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้หลากหลายกลุ่มมากยิ่งขึ้น”นายเพชร กล่าว
อ่านประกอบ