HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 289 จุด สวนทางดัชนี S&P, Nasdaq ร่วงหลัง DeepSeek สตาร์ทอัพสัญชาติจีน เปิดตัวโมเดล AI ที่แข่งขันได้และต้นทุนต่ำ อาจกระทบบริษัทเทคโนโลยี AI ในสหรัฐที่ใช้เงินหลายพันล้าน นักลงทุุนเทขายหุ้น AI ฉุดหุ้น Nvidia ลดลงเกือบ 17% ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 2% ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ แรงขายหุ้นเทค
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 27มกราคม 2568 ปิดที่ 44,713.58 จุด เพิ่มขึ้น 289.33 จุด หรือ +0.65% แต่ดัชนี S&P 500 และNasdaq ลดลงจากการเทขายหุ้น AI หลังการบริษัท DeepSeek สตาร์ทอัพสัญชาติจีน เปิดตัวโมเดล AI ที่แข่งขันได้และต้นทุนต่ำ ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยี AI ในสหรัฐที่ใช้เงินหลายพันล้าน
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,012.28 จุด ลดลง 88.96 จุด, -1.46%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,341.83 จุด ลดลง 612.47 จุด, -3.07%
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว DeepSeek ได้เปิดตัว R1 ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่ใช้ชิปราคาถูกและใช้ข้อมูลน้อย แบบ โอเพ่นซอร์สซึ่งมีรายงานว่ามีประสิทธิภาพเหนือกว่าบริษัท OpenAI ในการทดสอบหลายครั้ง และเวอร์ชันเริ่มต้นของโมเดลภาษาขนาดใหญ่ซึ่งเปิดตัวในช่วงปลายเดือนธันวาคม มีค่าใช้จ่ายในการออกแบบไม่ถึง 6 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้ตลาดจะมีคำถามถึงตัวเลขดังกล่าว แต่ก็ก่อให้เกิดความกังวลว่าโมเดล AI ขนาดใหญ่สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยการลงทุนที่ต่ำกว่ามาก
แอปพลิเคชัน AI Assistant ของ DeepSeek ยังเป็นแอปพลิเคชันฟรีที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดบน Apple App Store ในสหรัฐฯ แซงหน้า ChatGPT
หุ้น AI หลายตัวร่วงลง โดยหุ้น Nvidia ลดลงเกือบ 17% มูลค่าหุ้นตามราคาตลาดหายไป 593 พันล้านดอลลาร์ และเป็นการร่วงลงมากที่สุดภายในวันเดียว หุ้น Broadcom ร่วง 17.4% และหุ้น AMD ลดลง 6.4% หุ้น Microsoft ลดลง 2.1% หุ้น Palantir ลดลง 4.4% หุ้น Alphabet บริษัทแม่ของ Google ลดลง 4.2% ส่วนหุ้น Dell Technologies ผู้ผลิตเซิรฟเวอร์ AI ก็ลดลง 8.7% หุ้น Digital Realty ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ลดลง 8.7%
บริษัทด้านพลังงานซึ่งคาดว่าจะได้รับผลบวกจากดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใช้พลังงานมากซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนาเทคโนโลยี AI ก็ลดลงเช่นกัน หุ้น Vistra ร่วงลง 28.3%
ดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ลดลง 9.2% เป็นเปอร์เซนต์ที่ร่วงลงมากที่สุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020
คิม ฟอร์เรสต์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Bokeh Capital Partners กล่าวว่ายังคงมีคำถามมากมายเกี่ยวกับโมเดล DeepSeek และผลกระทบ
ด้านแซม สโตวาล หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ CFRA Research กล่าว นักลงทุนขาย
ออกก่อนแล้วค่อยถามคำถามทีหลัง และยังมองว่าราคาหุ้นเทคโนโลยีโดยรวมกับหุ้นเซมิคอนดักเตอร์นั้นค่อนข้างสูงเกินไป อย่างไรก็ตามการสลับกลุ่มออกไปที่หุ้น defensive stocks เช่น กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค การดูแลสุขภาพ อสังหาริมทรัพย์ ช่วยไม่ให้ตลาดลดลงมาก และตลาดจะยังมีความผันผวน เพราะตลาดมีมูลค่ามหาศาลและจากเหตุการณ์ภายนอก
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีแนวโน้มที่จะอยู่ในความสนใจในสัปดาห์นี้ เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยีในกลุ่ม “Magnificent Seven” กำหนดรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ทั้ง Meta Platforms, Microsoft, Tesla และ Apple
นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ซึ่งเป็นการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีที่ในวันพุธ เครื่องมือ FedWatch ของ CMEGroup บ่งชี้ว่านักลงทุนมองว่ามีโอกาส 97% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้นักลงทุนยังย่อยข่าวที่สหรัฐฯ และโคลอมเบียถอยห่างจากสถานการณ์ที่จะเกิดสงครามการค้าเมื่อวันอาทิตย์ หลังจากที่ทำเนียบขาวกล่าวว่าโคลอมเบียตกลงที่จะยอมรับเครื่องบินทหารที่บรรทุกผู้อพยพที่ถูกเนรเทศ
ตลาดยุโรปปิดลบ เนื่องจากหุ้นเทคโนโลยีตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน หลังจากที่โมเดลปัญญาประดิษฐ์ต้นทุนต่ำของ DeepSeek สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีของจีน ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลตอบแทนในธุรกิจ AI และความต้องการชิปที่มีราคาแพง
ดัชนี STOXX 600 ร่วงลงมากถึง 0.8% ในช่วงต้นวัน ตามการขายออกของตลาดโลกจากความกังวลเกี่ยวกับการลงทุนด้าน AI และมูลค่าหุ้นเทคโนโลยี หลังจากที่ DeepSeek เปิดตัว AI investment ที่ใช้ชิปที่มีต้นทุนต่ำกว่าและใช้ข้อมูลน้อยกว่า
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลดลง 3.4% และเป็นการร่วงลงรายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม โดยหุ้น ASML ผู้ผลิตอุปกรณ์ชิป ลดลง 7% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน และหุ้น ASM International ร่วงลงกว่า 12%
หุ้น Siemens Energy และหุ้น Schneider Electric ผู้ให้บริการฮาร์ดแวร์ไฟฟ้าสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI ลดลง 19.9% และ 9.5% ตามลำดับ
นักลงทุนยังกังวลต่อความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายภาษีของสหรัฐฯ เพราะเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันก่อนถึงเส้นตายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำหนดจะเปิดเผยนโยบายการค้าของเขากับคู่ค้าหลักๆ รวมถึงสหภาพยุโรป
สัปดาห์นี้ยังเต็มไปด้วยการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางยุโรป
จากข้อมูลของ LSEG นักลงทุนมองว่า ECB จะลดดอกเบี้ย 0.25% ขณะที่คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ยังมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในไตรมาสที่สี่สำหรับยูโรโซนและเยอรมนี พร้อมด้วยข้อมูลอัตราเงินเฟ้อในระดับภูมิภาคในระหว่างสัปดาห์
กลุ่มที่มองว่ามีความเสี่ยงน้อยลงจากการตกต่ำของวัฏจักรธุรกิจปรับขึ้นสวนตลาด โดยกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และสาธารณูปโภค เพิ่มขึ้น 2.1% และ 0.8% ตามลำดับ
หุ้น Ryanair เพิ่มขึ้น 3.2% หลังจากรายงานกำไรรายไตรมาสสูงกว่าคาด
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 529.69 จุด ลดลง 0.38 จุด, -0.07%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,503.71 จุด เพิ่มขึ้น 1.36 จุด, +0.02%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,906.58 จุด ลดลง 21.04 จุด, -0.27%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 21,282.18 จุด ลดลง 112.75 จุด, -0.53%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 1.49 ดอลลาร์ หรือ 2.0% ปิดที่ 73.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 1.42 ดอลลาร์ หรือ 1.81% ปิดที่ 77.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล