HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดลบ ดาวโจนส์ลดลง 140 จุด นักลงทุนขายทำกำไรบางส่วน รอข้อมูลเศรษฐกิจและประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สัปดาห์หน้า ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ขยับขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดทรงตัว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 24 มกราคม 2568 ปิดที่ 44,424.25 จุด ลดลง 140.82 จุด หรือ -0.32% นักลงทุนทำกำไรบางส่วนหลังจากปรับขึ้นแข็งแกร่งในสัปดาห์แห่งการกลับมาทำเนียบขาวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่วิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจและรายงานรายได้ที่ผสมปนเปกัน และเตรียมพร้อมสำหรับงการเปิดเผยข้อมูลทางเศรษฐกิจและการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในสัปดาห์หน้า
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,101.24 จุด ลดลง 17.47 จุด หรือ -0.29%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,954.30 จุด ลดลง 99.38 จุด หรือ -0.50%
ในรอบสัปดาห์นี้ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ต่างเพิ่มขึ้นราว 1.7% ส่วนดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 2.2%
กลุ่มเทคโนโลยีลดลงมากสุดจากหุ้นขนาดใหญ่ที่ร่วงลงรวมทั้งหุ้น AI โดยNvidia ลดลงกว่า3% หุ้น Texas Instruments บริษัทผลิตชิปอีกรายลดลงกว่า 7% จากคาดการณ์กำไรที่อ่อนแอ และหุ้น Tesla ลดลงกว่า 1%
ดัชนีดาวโจนส์ถูกถ่วงจากการลดลง 1.4% ของหุ้น American Express แม้รายงานผลกำไรไตรมาสสี่เพิ่มขึ้น 12% และจากการลดลง1.4% ของหุ้น Boeing หลังจากเตือนว่าจะขาดทุนในไตรมาสที่สี่ประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์ บริษัทจะรายงานผลการดำเนินงานในวันอังคาร (28 มกราคม)
ข้อมูลตลาดที่อยู่อาศัยที่เผยแพร่ออกมาร้อนแรงเกินคาด ขณะที่ผลสำรวจของ S&P Global แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางธุรกิจชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือนในเดือนมกราคม เนื่องจากราคาปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทต่างๆ รายงานว่ามีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งสนับสนุนแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวังของเฟด ในปีนี้
มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงเหลือ 71.1 จาก 73.2 ซึ่งเป็นประมาณการก่อนหน้านี้
ช่วงปลายสัปดาห์นี้ที่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจค่อนข้างน้อย ข้อมูลล่าสุดจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group บ่งชี้ว่านักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 28-29 มกราคม และจะเริ่มปรับลดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมิถุนายน
นักลงทุนเตรียมพร้อมสำหรับการรายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์หน้า รวมถึงการประชุมเฟด ขณะจับตาความคืบหน้าของนโยบายจากฝ่ายบริหารของทรัมป์
นักลงทุนกังวลว่านโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์อาจทำให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อรุนแรงขึ้นและชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่พูดถึงนโยบายการค้าหลายครั้งในสัปดาห์นี้โดยไม่ได้ให้รายละเอียดที่เป็นรูปธรรม
ทรัมป์กล่าวว่าภาษีศุลกากรสำหรับเม็กซิโก แคนาดา จีน และสหภาพยุโรปอาจประกาศได้ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ แต่นักวิเคราะห์มองว่าแผนการสำคัญๆ จะสามารถประกาศได้ในวันที่ 1 เมษายน
เมื่อวันพฤหัสบดีทรัมป์ได้เรียกร้องให้อัตราดอกเบี้ยลดลงทันทีในการกล่าวสุนทรพจน์ ต่อเวที World Economic Forum ในเมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และจะขอให้ซาอุดีอาระเบียและประเทศ OPEC อื่นๆ ลดราคาน้ำมันลง
มาร์ก มาเลก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Siebert กล่าวว่า ตลาดตอบสนองต่อทุกคำกล่าวของประธานาธิบดี แม้แต่คำกล่าวที่ไม่น่าจะมีผลกระทบใดๆ แสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังมีความวิตกและปรับตัวตามจังหวะทรัมป์ไม่ทัน
นอกเหนือจากปัจจัยทางการเมืองแล้ว นักลงทุนยังจับตาดูข่าวหุ้นรายตัวและการรายงานผลประกอบการ หุ้น Novo Nordisk เพิ่มขึ้นกว่า 8% จากผลลัพธ์ในระยะเริ่มต้นในทางบวกสำหรับยาลดน้ำหนัก
ตลาดยุโรปปิดทรงตัวและถอยกลับจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการปรับตัวลงของกลุ่มโทรคมนาคมและพลังงาน ประกอบกับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น
ในสัปดาห์นี้ ดัชนี Stoxx 600 เพิ่มขึ้น 1.3% และเป็นการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์ติดต่อกัน 5 สัปดาห์ นานที่สุดในรอบเกือบ 10 เดือน
กลุ่มโทรคมนาคมลดลง 2.8% นำโดยหุ้น Ericssonผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมของสวีเดน ที่ร่วงลง 12.7% จากกำไรไตรมาส 4 ต่ำกว่าคาด
กลุ่มพลังงานลดลง 1% ตามราคาน้ำมันดิบ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนเพิ่มขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 10 ปีของเยอรมันสูงถึง 2.569% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งสัปดาห์
กลุ่มสินค้าส่วนบุคคลและของใช้ในครัวเรือนก็เพิ่มขึ้น 0.6% นำโดย Burberry ซึ่งเพิ่มขึ้น 9.9% หลังจากที่แบรนด์หรูของอังกฤษรายงานว่ายอดขายร้านค้าเทียบรายไตรมาสลดลงน้อยกว่าที่คาด
หุ้นสินค้าหรูอื่นๆ ก็ปรับขึ้นเช่นกัน โดย Hugo Boss เพิ่มขึ้น 3.9%, Moncler เพิ่มขึ้น 3% และ Kering เพิ่มขึ้น 4.5%
กลุ่มเหมืองแร่บวก 1.2% ตามราคาโลหะที่สูงขึ้น
สัปดาห์นี้ นักลงทุนคลายกังวลหลังประกาศที่เกี่ยวข้องกับภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่มีรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับสหภาพยุโรปและพันธมิตรรายใหญ่อื่นๆ ทั่วโลก
นอกจากนี้ การคาดการณ์ถึงการตัดสินใจนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์หน้าก็มีส่วนช่วยให้ตลาดปรับขึ้นในสัปดาห์นี้เช่นกัน แต่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้รับรู้ไปแล้ว นักลงทุนจับตาความเห็นของผู้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับทิศทางในอนาคตของอัตราดอกเบี้ยในปี 2025 อย่างใกล้ชิด
ในการสัมภาษณ์อีกสื่อหนึ่ง ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าการสนทนาล่าสุดของเขากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนนั้นเป็นไปด้วยดีฉันท์มิตร และคิดว่าสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีนได้
กิจกรรมทางธุรกิจของเยอรมนีทรงตัวในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป ซึ่งหดตัวเป็นปีที่สองติดต่อกันในปี 2024 และส่งผลให้รัฐบาลเยอรมันปรับลดประมาณการการเติบโตในปี 2025 ลงเหลือ 0.3% จากเดิมที่ 1.1%
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 530.07 จุด ลดลง 0.27 จุด, -0.05%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,502.35 จุด ลดลง 60.85 จุด, -0.73%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,927.62 จุด เพิ่มขึ้น 35.01 จุด, +0.44%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 21,394.93 จุด ลดลง 16.6 จุด, -0.08%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 4 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 74.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 78.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–