3 โบรกฯเคาะเป้าดัชนี SET ปี 67 ที่ 1,520-1,460 คาดหวังดีกว่าปีนี้

HoonSmart.com>>โบรกเกอร์ส่วนใหญ่คาดหวังทิศทางตลาดหุ้นปี 67 ดีขึ้นกว่าปีนี้ ได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ งบประมาณเล็งผ่านได้เดือนเม.ย.67 คาดหวังเศรษฐกิจไทยเร่งตัวขึ้น โดยมองเป้าหมายดัชนี SET ปี 67 ไว้ที่ 1,520-1,460 จุด เทรด P/E 16.5-14 เท่า กำไรต่อหุ้น (EPS) 92-105 บาท พร้อมมองหุ้นเด่นปี 67 ได้แก่ CPALL, GPSC, INTUCH, THCOM, SAWAD, AOT, ฺBCH, CPALL, CPN, MINT, SJWD, TIDLOR, TU, CK, CRC, BGRIM, GULF, BCH, ADVANC, TOP, BSRC (ชื่อเดิม ESSO) ล่าสุดดัชนี SET -15.80% YTD

ดัชนี SET ปิดวันนี้ (25 ธ.ค.) ที่ระดับ 1,408.83 จุด ลดลง 15.80% YTD

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยปี 67 น่าจะกลับมา Outperform ได้ โดยมองเป้าหมายดัชนี SET ไว้ที่ 1,520 จุด คิดเป็น P/E 16.5 เท่า กำไรต่อหุ้น (EPS) 92 บาท อัตราการเติบโตของกำไร (Earning Growth) 8% ซึ่งมองไตรมาส 1/67 จะเป็นไตรมาสดีที่สุดของปี จากแรงหนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทั้ง E-Receipt, Digital Wallet ที่มีความชัดเจนขึ้น รวมถึงงบประมาณน่าจะเข้าพิจารณาในสภาฯได้ ทำให้สามารถเบิกจ่ายได้ปลายเดือนเม.ย.67 ตามที่คาดการณ์กันไว้

แต่ไตรมาส 2-3 ปี 67 จะต้องจับตาดูเศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยแรงหรือไม่แรง ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณจากภาคอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯชะลอตัวแล้ว ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกไปด้วย ส่วนไตรมาส 4/67 ก็จะกลับมาฟื้นจากเป็นช่วงการเลือกตั้งในสหรัฐ ตลาดสหรัฐจะตอบรับในเชิงบวก

พร้อมมองหุ้นกลุ่ม Domestic Plays และพวก Defensive น่าสนใจลงทุนในปี 67 ซึ่งได้แก่ หุ้นในกลุ่มค้าปลีก, โรงไฟฟ้า (ได้ประโยชน์ต้นทุนถูกลง และบอนด์ยีลด์ปรับลง), สื่อสาร (ได้อานิสงส์จากบอนด์ยีลด์ปรับลง), กอง REIT และกลุ่มไฟแนนซ์ โดยมีหุ้นเด่นคือ CPALL ราคาเป้าหมาย 74 บาท, GPSC ราคาเป้าหมาย 57 บาท, INTUCH ราคาเป้าหมาย 86.50 บาท, THCOM ราคาเป้าหมาย 17 บาท และ SAWAD ราคาเป้าหมาย 68.50 บาท

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ปี 67 มองเป้าหมายดัชนี SET ไว้ที่ 1,520 จุด คิดเป็น P/E 16 เท่า EPS 95 บาท และ Earning Growth 17% โดยทิศทางตลาดหุ้นน่าจะฟื้นตัวได้จากปีนี้ที่ Underperform จากเศรษฐกิจที่ควรจะเร่งตัวขึ้น ทั้งการส่งออก และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง รวมถึงได้ภาคการบริโภคช่วยหนุน และในไตรมาส 2/67 ต่อเนื่องไปครึ่งหลังปี 67 ก็จะได้แรงผลักดันจากการลงทุนหรือการใช้จ่ายของภาครัฐฯ ซึ่งขณะนี้งบประมาณปี 67 ยังไม่ผ่าน แต่มีการคาดการณ์กันว่าจะผ่านได้ในเดือนเม.ย.67

สำหรับแรงกดันด้านต้นทุนค่าแรง และค่าไฟฟ้า ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหามาก เพราะเชื่อว่าจะค่อยเป็นค่อยไปในการขยับขึ้น โดยค่าไฟฟ้าล่าสุดอยู่ที่ 4.2 บาท/หน่วย ซึ่งเห็นว่าจะขึ้นไปแถว 4.5-4.7 บาท/หน่วย ก็คงจะค่อย ๆ ขึ้นไป โดยเดือนพ.ค.ก็มีโอกาสที่จะขึ้นค่าไฟได้อีกเป็นอย่างน้อย ส่วนค่าแรงที่ว่าจะไป 400 บาท คงจะไม่ขึ้นทีเดียว คงจะขึ้นไปแถว 330-370 บาทก่อน ซึ่งปรับขึ้นไม่ถึง 3% ไม่น่าจะกระทบบริษัทมาก เพราะที่จริงปี 65 ค่าแรงก็ขึ้นไปตั้ง 5%

พร้อมมองหุ้นที่น่าลงทุนในปี 67 ให้เกาะธีมในประเทศเป็นหลัก จากเศรษฐกิจฟื้น ส่งออกดีขึ้น และยังได้อานิสงส์จากเงินบาทแข็งค่าด้วย รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ก็ปรับตัวลง จึงแนะนำหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า, ไฟแนนซ์, ค้าปลีก และอาหาร โดยมี 9 หุ้นเด่นในปี 67 ได้แก่ หุ้น AOT ราคาเป้าหมาย 85 บาท, ฺBCH ราคาเป้าหมาย 24.50 บาท, CPALL ราคาเป้าหมาย 77 บาท, CPN ราคาเป้าหมาย 82 บาท, MINT ราคาเป้าหมาย 43 บาท, SJWD ราคาเป้าหมาย 21.50 บาท, GPSC ราคาเป้าหมาย 59 บาท, TIDLOR ราคาเป้าหมาย 28 บาท และ TU ราคาเป้าหมาย 18 บาท

ด้านนายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปี 67 ยังมีความเสี่ยงอยู่มาก ที่จะทำให้ EPS เปิด Downside ซึ่งมาจาก Consensus ยังมองจำนวนนักท่องเที่ยวสูงถึง 35-38 ล้านคนในปี 67 ขณะที่ฝ่ายวิจัยยูโอบี เคย์เฮียน มองแค่ 32-33 ล้านคนเท่านั้น ทำให้มี Downside ค่อนข้างมาก เพราะตอนนี้จีนไม่เหมือนเดิม จีนสนับสนุนให้เที่ยวภายในประเทศจีน ทำให้ส่งผลกระทบต่อทั่วโลก ไม่เพียงแต่ไทยเท่านั้น และตลาดหุ้นกู้ในปีหน้าจะมีครบกำหนด 1.01 ล้านล้านบาท ทำให้มีโอกาสเกิดการผิดนัดชำระ (Default) ได้ รวมถึง Digital Wallet ยังมีความไม่แน่นอน

“Set จะขึ้นได้อีกในช่วงดอกเบี้ยสะท้อนพีคไปแล้ว พอดอกเบี้ยเริ่มลดลง คนจะมองเศรษฐกิจไม่ดี ซึ่งเศรษฐกิจปี 67 ยังไม่ดีแม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาใช้ก็ตาม แต่ดีมานด์โตในระดับต่ำ…ส่งออกคาดปีหน้าดูดีขึ้น แต่เศรษฐกิจโลกยังไม่ดี”

ทั้งนี้ ได้มองเป้าหมายดัชนี SET ไว้ที่ 1,460 จุด คิดเป็นเทรด P/E 14 เท่า EPS 100-105 จุด และ Earnging Growth 7%

หุ้นที่น่าสนใจลงทุนในปี 67 มอง 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่ม Domestic Plays โดยเฉพาะพวกที่ Valuation ยังต่ำ แนะนำ CPALL, CK, CRC, TIDLOR 2. กลุ่ม Defensive อย่างกลุ่มโรงไฟฟ้า, โรงพยาบาล แนะนำ GPSC, BGRIM, GULF, BCH, ADVANC และ 3.กลุ่ม Valuation Plays แนะนำ TOP ราคาเป้าหมาย 68 บาท, BSRC (ชื่อเดิม ESSO) ราคาเป้าหมาย 15 บาท