กองทุน TESG ปิด IPO ทะลุ 2 พันล. “บลจ.กสิกรไทย” สูงสุด 580 ล้าน

HoonSmart.com>> เปิดยอดขาย IPO กองทุนรวมไทยยั่งยืน (ThaiESG) จำนวน 22 กองทุน จาก 16 บลจ. ยอดจองซื้อรวมกว่า 2,000 ล้านบาท “บลจ.กสิกรไทย” ขึ้นแท่นกองทุน ThaiESG ใหญ่ที่สุดในไทย กวาดยอดขายกว่า 580 ล้านบาท ลุ้นสัปดาห์สุดท้ายเงินไหลเข้าลงทุนลดหย่อนภาษีส่งท้ายปี

“HoonSmart” รวบรวมยอดขายกองทุนรวมไทยยั่งยืน (ThaiESG) หรือ TESG ที่เปิดเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 22 กองทุนจาก 16 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดจองซื้อรวมประมาณ 2,046 ล้านบาท โดย 5 บลจ.ที่มียอดจองซื้อสูงสุดในช่วง IPO ได้แก่ บลจ.กสิกรไทย ยอด 582 ล้านบาท จากการเปิดขายกองทุนเปิดเค Target Net Zero หุ้นไทย ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน ซึ่งปิดขาย IPO ไปเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา

อันดับสอง บลจ.บัวหลวง มียอดขาย 314 ล้านบาท จากกองทุนบัวหลวงทศพลไทยเพื่อความยั่งยืน อันดับสาม บลจ.ไทยพาณิชย์ มียอดขายรวม 308 ล้านบาท จาก 3 กองทุนไทยพาณิชย์ หุ้นไทยยั่งยืนแอคทีฟ (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) และ (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนแบบสะสมมูลค่า) , กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นไทยยั่งยืนพาสซีฟ (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) และ (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนแบบสะสมมูลค่า) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ไทยผสมยั่งยืน (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) และ (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนแบบสะสมมูลค่า)

อันดับสี่ บลจ.กรุงไทย มียอดขาย 211 ล้านบาท จาก 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนกรุงไทย ESG A Grade (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน), กองทุนกรุงไทย ESG50 (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) และกองทุนกรุงไทย ESG A Grade 70/30 (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) และอันดับห้า บลจ.กรุงศรี มียอดขาย 155 ล้านบาท จากกองทุนกรุงศรีเอ็นแฮนซ์เซ็ทไทยเพื่อความยั่งยืน-ไทยเพิ่มความยั่งยื่นสะสมมูลค่า,และชนิดปันผล

ขณะที่นับยอดขายเป็นรายกองทุน ThaiESG ในช่วง IPO พบว่า กองทุนเปิดเค Target Net Zero หุ้นไทย ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งมียอดขายสูงสุดในช่วง IPO มูลค่า 582 ล้านบาท ถือเป็รกองทุนแรกของไทยที่มีกลยุทธ์บริหารพอร์ตลงทุนโดยมีเป้าหมายให้ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของพอร์ตลงทุนเฉลี่ยต่ำกว่าดัชนีชี้วัด(SET100) ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แผนการจัดการ และตั้งเป้าหมายเพื่อบรรลุการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างชัดเจน ส่งผลให้กองทุนK-TNZ-ThaiESG มีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG Emission) และ การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ย (Implied Temperature Rise) ที่น้อยลงเมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด

อันดับสอง กองทุนกรุงไทย ESG A Grade 70/30 (KTAG70/30) ของบลจ.กรุงไทย มียอดขายในช่วง IPO สูงเป็นอันดับสอง มูลค่า 100.72 ล้านบาท ซึ่งกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนผสมเน้นลงทุนในหุ้นที่มี ESG Ratings ระดับ A ขึ้นไป เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 70% ของ NAV และตราสารหนี้ เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่เกิน 30% ของ NAV บริหารแบบ Active สามารถปรับพอร์ตให้เหมาะสมได้ทุกสถานการณ์

อันดับสาม กองทุนไทยพาณิชย์ ไทยผสมยั่งยืน (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) หรือ SCBTM(ThaiESG) ของบลจ.ไทยพาณิชย์ มียอดขาย 88.88 ล้านบาท เป็นกองทุนผสม ที่เป็นกองทุนชนิดจ่ายเงินปันผล เน้นลงทุนแบบผสมยืดหยุ่น 0-100 % ในหุ้นและตราสารหนี้ของบริษัทจดทะเบียนของตลาดหลักทรัพย์ไทยที่มีความโดดเด่นทางด้านสิ่งแวดล้อม หรือด้านความยั่งยืน (Environment, Social and Governance: ESG)

อันดับสี่ กองทุนกรุงศรีเอ็นแฮนซ์เซ็ทไทยเพื่อความยั่งยืน-ไทยเพื่อความยั่งยืนปันผล (KFTHAIESGD) บลจ.กรุงศรี มูลค่า 88.79 ล้านบาท กองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETESG ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ใช้กลยุทธ์การลงทุนที่ผสมผสานระหว่างการลงทุนแบบ passive และ active management โดยสัดส่วนของพอร์ตการลงทุนประมาณ 90% จะลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนของพอร์ตรวมออกมาใกล้เคียงกับผลตอบแทนดัชนี SET ESG ที่สุด และอีก 10% จะใช้กลยุทธ์การลงทุนเชิงรุกเพื่อสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม โดยกองทุนมีนโยบายการจ่ายเงินปันผล

อันดับห้า กองทุนเคเคพี พันธบัตรรัฐบาลไทยเพื่อความยั่งยืน (KKP GB THAI ESG) บลจ.เกียรตินาคินภัทร มูลค่า 75.24 ล้านบาท เป็นกองทุนตราสารหนี้ที่บริหารการลงทุนแบบ Active โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐไทย และกองทุนจะลงทุนในตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน เช่น ตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) ตราสารเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

ผู้บริหารบลจ.รายหนึ่ง กล่าวว่า การเปิดตัวกองทุน ThaiESG ซึ่งเป็นกองทุนลดหย่อนภาษีรูปแบบใหม่ ซึ่งการเปิดตัวให้นักลงทุนได้รู้จักใช้เวลาค่อนข้างสั้นและรวดเร็ว จึงต้องรอลุ้นเม็ดเงินที่จะเข้ามาลงทุนเพิ่มเติม ประกอบกับพฤติกรรมของนักลงทุนมักจะซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษีเข้ามาในช่วง 2-3 วันสุดท้ายของปี