HoonSmart.com>>ดัชนีกลุ่มแบงก์บวก 2.08% KTB ขึ้นนำ ขานรับไตรมาส 4/67 กำไรดีกว่าตลาดคาด เด่นสุด SCB ที่ดีทั้ง QoQ และ YoY ส่วน KTB แชมป์งบฯปี 67 ดีสุด ขณะที่ปี 68 กำไรกลุ่มธนาคารยังโตได้อยู่ท่ามกลาง Downside เศรษฐกิจ และแรงกดดันการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่คุณภาพสินทรัพย์คาดยังดี การตั้งสำรองฯน่าจะลดลง ให้ปันผลสูงเป็นแรงจูงใจ อีกทั้ง Valuation ยังถูก แต่ปี 68 TISCO ไม่คาดหวังกำไรโต อาจตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้นด้วย ด้านบล.หยวนต้า ให้ KBANK เด่นสุด ส่วนบล.พาย ให้ KTB, BBL ดีสุดของกลุ่มฯ
ดัชนีกลุ่มธนาคารบวก 2.08% มาที่ 414.50 จุด เพิ่มขึ้น 8.46 จุด เมื่อเวลา 14.25 น. โดยหุ้นที่ขึ้นนำด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างคึกคัก คือ หุ้น KTB บวก 4.13% มาที่ 22.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,776.71 ล้านบาท
หุ้น TTB บวก 3.83% มาที่ 1.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.07 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,132.30 ล้านบาท
หุ้น BBL บวก 2.31% มาที่ 155.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,539.09 ล้านบาท
หุ้น SCB บวก 1.63% มาที่ 124.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 988.61 ล้านบาท
นายธนเดช รังษีธนานนท์ หัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.พาย กล่าวว่า ผลประกอบการกลุ่มธนาคารออกมาค่อนข้างดี โดยจาก 8 ธนาคารที่ดูพบว่า ไตรมาส 4 ปี 2567 กลุ่มธนาคารกำไรเติบโต 20% YoY แต่ลดลง 7% QoQ ส่วนทั้งปี 2567 กำไรกลุ่มธนาคารโต 9% YoY ซึ่งให้”น้ำหนักเท่ากับตลาด”สำหรับกลุ่มธนาคาร เพราะปี 2568 ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ทั้งจากเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งของสหรัฐฯ และไทย ที่อาจช้าไป ด้านการค้าการลงทุนก็ยังไม่แน่นอน ซึ่งปีนี้เศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัว แต่ในประเทศอาจควบคุมได้จากมาตรการของภาครัฐฯ
ทั้งนี้ ปี 2567 KTB เป็นแชมป์ที่งบฯออกมาดีสุด กำไรเติบโต 20% YoY แต่ SCB กำไรออกมาดีสุดในไตรมาส 4/2567 เติบโต 6.5% YoY, 7% QoQ ซึ่งเป็นการเติบโตที่มาจากการดำเนินงานด้วย ขณะที่ธนาคารอื่นไตรมาส 4 จะมีค่าใช้จ่ายสูงถ่วงอยู่ ซึ่งเป็นปกติในทุกปี พร้อมแนะนำ”ซื้อ”หุ้นธนาคารขนาดใหญ่ คือ BBL ราคาเป้าหมาย 172 บาท, KBANK ราคาเป้าหมาย 180 บาท, TTB ราคาเป้าหมาย 2.12 บาท และ KTB ราคาเป้าหมาย 24 บาท ส่วน SCB แนะนำ”ถือ”ราคาเป้าหมาย 129 บาท แม้ผลประกอบการจะออกมาดีในไตรมาส 4 และมีความคาดหวังจะให้ปันผลดีด้วย แต่ราคาหุ้นได้ปรับขึ้นไปมากแล้ว
สำหรับหุ้นเด่นสุดในกลุ่มธนาคารมองเป็น KTB จากผลงานเด่นทั้งกำไร และคุณภาพสินเชื่อ ซึ่งเป็นหุ้นที่ Perform ได้ดีสุดในกลุ่มธนาคาร โดยราคาหุ้นขึ้นได้ดีสุดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2565-2567) และให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 18% แต่ราคาหุ้นก็มาไกลแล้ว ดังนั้นถ้ามองในแง่ Upside แนะนำ BBL ผลงานไตรมาส 4 ดี แต่ราคาหุ้นยัง Laggard อยู่ สำหรับหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยงในกลุ่มธนาคารยังไม่มี แต่ TISCO ปี 2568 กำไรถือว่าไม่เติบโต คาดกำไรจะลดลง 5% YoY ซึ่งยังแนะนำ”ถือ”เพราะให้ปันผลดีราว 7% และยังสามารถรอการฟื้นตัวได้ โดยครึ่งแรกปี 2568 มองว่าจะยังไม่ดี
นายตฤณ สิทธิสวัสดิ์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลดำเนินงานของกลุ่มธนาคารไตรมาส 4 ปี 2567 ค่อนข้างดี ส่วนใหญ่จะออกมาดีกว่าคาด ธนาคารขนาดใหญ่ตั้งสำรองฯลดลง คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมฟื้นตัวแทบทุกธนาคาร อย่างไรก็ดี มีสิ่งที่กังวลคือ NIM เป็นผลจากการลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายต.ค.2567 ทำให้ไตรมาส 4 เห็น Asset yield น้อยกว่าที่ประเมิน ขณะที่ปี 2568 คาดว่ากำไรจะเติบโตไม่มาก แรงกดดันจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย รายได้ดอกเบี้ยอาจลดลง แต่คุณภาพสินทรัพย์ยังดี การตั้งสำรองฯน่าจะลดลง อย่างไรก็ดี กำไรปี 2568 แม้จะเติบโตต่ำ แต่ให้ปันผลสูงปลอบใจได้ ซึ่ง Dividend yield เฉลี่ย 5%
พร้อมแนะนำ”ซื้อ”หุ้นธนาคารขนาดใหญ่ เนื่องจากสามารถรักษาฐานกำไรได้ โดย SCB ราคาเป้าหมาย 130 บาท งบฯไตรมาส 4 เด่นเติบโตทั้ง QoQ และ YoY ถือว่าแข็งแกร่งมาก, BBL ราคาเป้าหมาย 190 บาท, KTB ราคาเป้าหมาย 25 บาท และหุ้นเด่นสุดของกลุ่มธนาคารมองเป็น KBANK ราคาเป้าหมาย 175 บาท คุณภาพสินทรัพย์ฟื้นตัวดี ปี 2568 คาดจะลดการตั้งสำรองฯลง และยังได้ผลบวกจากการใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ ซึ่ง KBANK ถือหุ้นบริษัทเมืองไทยประกัน ในสัดส่วน 51% ทำให้บริษัทประกันขายกรมธรรม์ที่มีกำไรมากขึ้น อีกทั้งปี 2568 คาดจะให้ปันผลใช้ได้คิดเป็น 4.7% คิดจากราคาปิดเมื่อ 21 ม.ค.2568 ขณะที่ธนาคารขนาดกลางปี 2568 สินเชื่อเติบโตจำกัด จากธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ โดยยอดขายรถมือ 1 ยังไม่ฟ้น
ในปี 2568 ตลาดไม่คาดหวังการเติบโตของ TISCO โดยคาดว่ากำไรจะลดลง YoY จากการตั้งสำรองฯที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น เพื่อไปรองรับการขยายธุรกิจจำนำทะเบียนรถ และเช่าซื้อรถมือ 2 ส่วน KTB ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นในไตรมาส 4 ปี 2567 ทำให้กำไรชะลอตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบ QoQ แต่ยังเติบโต YoY ได้มาก
นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพโดยรวมกลุ่มธนาคารถือว่าดี มีสัญญาณการขยายตัวของสินเชื่อเล็กน้อย และ NPL ก็ไม่ขึ้นมากเป็นสัญญาณบวก รวมถึงการตั้งสำรองฯก็ไม่มากอย่างที่กลัวจากเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัว หากมองในแง่ Valuation กลุ่มธนาคารถือว่าถูก เทรด Book Value ฺ(BV) ราว 0.7 เท่า ต่ำกว่าก่อนหน้านี้ในภาวะปกติเทรด 1.2-1.5 เท่า ซึ่งหลังโควิดแล้วหุ้นกลุ่มธนาคารก็ยังไม่กลับไปเทรดที่เดิม ยังเทรดต่ำบุ๊คอีก และถ้า NPL ไม่มีปัญหามาก จัดว่ากลุ่มธนาคารน่าสนใจลงทุนเพราะ Valuation ยังถูก
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในวิเคราะห์ฯว่า กลุ่มธนาคาร 7 ธนาคารกำไรสุทธิไตรมาส 4 ปี 2567 ที่ 5.1 หมื่นล้านบาท -6% q-q, +20% y-y ดีกว่าคาด 8-13% หลัก ๆ มาจากค่าใช้จ่ายดำเนินงาน (OPEX) และ credit cost ที่ออกมาต่ำกว่าคาด โดย SCB และ KKP ดีกว่าคาดมากสุดจาก OPEX ที่ต่ำกว่าคาดและตีมูลค่าสินทรัพย์ตามราคาตลาดสูงขึ้น ขณะที่ BBL และ KTB รายงานตัวเลข NPLs ปรับลดมาก ส่วนการเติบโตของสินเชื่อไตรมาส 4 ปี 2567 ทรงตัว y-y, +1.8% q-q, Non-NII เติบโตดีแต่แนวโน้มขึ้นอยู่กับภาวะตลาดทุนและกำลังซื้อ NIM อยู่ที่ 3.51% ดีกว่าคาดเล็กน้อย NPLs ลดลงเป็น 3.55% จาก 3.8% ใน 3Q24 อย่างไรก็ดี KBANK และ SCB อาจยังมีความกังวลต่อคุณภาพสินทรัพย์
ปี 2567 ทั้ง 7 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 2.1 แสนล้านบาท +10% y-y ยังชอบ BBL และ KTB เป็น Top Pick และกลุ่มธนาคารยังให้ Div. yield เฉลี่ย 5% ต่อปี
———————————————————————————————————————————————————–