SABUY ซิลลิ่งรับซื้อหุ้นคืน 95 ล้านหุ้น ดึงหุ้น SBNEXT พุ่งแรง 23%

HoonSmart.com>> นักลงทุนแห่เก็งกำไรหุ้น SABUY ดันราคาปิดซิลลิ่ง 30.39% แตะ 6.65 บาท ขานรับเปิดโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงินจำนวน 95 ล้านหุ้น เตรียมงบไม่เกิน 617.50 ล้านบาท ดีเดย์ 22 ธ.ค.66 – 21 มี.ค.67 ดึงหุ้น SBNEXT บริษัทในเครือขึ้นตามปิดตลาดพุ่ง 23%

ความเคลื่อนไหวหุ้นบริษัท สบาย เทคโนโลยี (SABUY) ดีดขึ้นตั้งแต่เปิดตลาดที่ 5.35 บาท และปิดซิลลิ่งที่ราคา 6.65 บาท เพิ่มขึ้น 1.55 บาท หรือ 30.39% มูลค่าการซื้อขาย 771.24 ล้านบาท ขณะที่่หุ้นบริษัท สบาย คอนเน็กซ์ เทค (SBNEXT) บริษัทในเครือ ปิดที่ 1.44 บาท เพิ่มขึ้น 0.27 บาท หรือ +23.08% มูลค่าการซื้อขาย 87.66 ล้านบาท

บริษัท สบาย เทคโนโลยี (SABUY) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2566 อนุมัติโครงการซื้อหุ้น (Treasury Stock) เพื่อบริหารทางการเงิน ภายในวงเงินไม่เกิน 617.50 ล้านบาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 95 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท หรือคิดเป็นจำนวนไม่เกิน 5.12% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด โดยซื้อหุ้นคืนด้วยวิธีจับคู่อัตโนมัติผ่านระบบซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ กำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืนตั้งแต่ 22 ธ.ค.2566 – 21 มี.ค.2567

ด้านข้อมูลจากงบการเงินงบเฉพาะกิจการสอบทาน/ตรวจสอบงวดล่าสุด ณ วันที่ 30 ก.ย.2566 บริษัทฯ มีกำไรสะสมในส่วนที่ยังไม่ได้จัดสรรของบริษัทเท่ากับ 994.05 ล้านบาทและมีหนี้สินที่ถึงกำหนดชำระภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่จะเริ่มซื้อหุ้นคืนเท่ากับ 760.41 ล้านบาท

สำหรับแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการการชำระหนี้คืน ถึงแม้ว่าในงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย.2566 จะมีเงินสดจำนวน 123.29
ล้านบาท และเงินให้กู้ระยะสั้นจำนวน 2,143.72 ล้านบาท นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังได้มีการพิจารณาจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนบางบริษัท เพื่อรักษาสภาพคล่อง และเพิ่มเติมความแข็งแกร่งทางด้านการเงินของบริษัท บริษัทฯ จะมีสภาพคล่องส่วนเกินที่สามารถชำระหนี้ที่จะถึงกำหนดภายใน 6 เดือนข้างหน้านับตั้งแต่วันที่จะเริ่มการซื้อหุ้น โดยบริษัทฯ มีเงินสดจากการจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัทที่บริษัทถืออยู

สำหรับเหตุผลในการซื้อหุ้นคืน เพือเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) อัตรากำไรสุทธิ (EPS) และเพิ่มมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น(Book Value Per Share) และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น