“ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี” ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 3 โครงการในเวียดนาม กำลังผลิต 136.72 เมกะวัตต์ มูลค่า 4,785.2 ล้านบาท ด้านผลงาน Q3/61 กำไรหด 65% เหตุฝนตกมากผลิตไฟได้ลด คาด Q4/61 ผลงานดีขึ้น
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานกรรมการบริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2561 ได้มีมติอนุมัติการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยบริษัทย่อยของบริษัทที่ประเทศเวียดนาม จำนวน 3 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 136.72 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนทั้งหมดไม่เกิน 4,785.2 ล้านบาท
การเข้าลงทุนครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและศักยภาพในการแข่งขันในการดำเนินธุรกิจ และสร้างรายได้ในอนาคตให้แก่บริษัทได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประเทศเวียดนามถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานจากแสงอาทิตย์และพลังลม และประเทศเวียดนามอยู่ในทิศทางที่มีการเติบโตทางด้านการค้าและอุตสาหกรรม ดังนั้น จึงมีแนวโน้มการใช้พลังงานเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งปัจจุบันรัฐบาลเวียดนามให้ความสำคัญด้านพลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทน และตั้งเป้าให้มีการผลิตสูงขึ้น เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้ประเทศ
สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 3 โครงการ ประกอบด้วย Phan Lam1 ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 37.62 เมกะวัตต์ โดย SUPER SOLAR ENERGY (HONGKONG) 1 Co.,Ltd. (SSE-HK1) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จะเข้าลงทุนซื้อหุ้น 100% มีมูลค่าลงทุนไม่เกิน 1,285.2 ล้านบาท , โครงการ Binh An ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 50 เมกะวัตต์ โดย SSE-HK1 จะเข้าลงทุน 100% มีมูลค่าการลงทุนไม่เกิน 1,750 ล้านบาท และโครงการ Sinenergy Ninh Thuan ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 50 เมกะวัตต์ โดย SUPER ENERGY(EAST) PTE LTD (SE(EAST)) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จะเข้าลงทุน 100% มูลค่าการลงทุนไม่เกิน 1,750 ล้านบาท
“การเข้าลงทุนของ SSE-HK1 ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาดกําลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากว่า 136 เมกะวัตต์ ใน 3 โครงการนั้นจะเป็นจะช่วยเพิ่มรายได้และกำไร โดยทั้ง 3 โครงการข้างต้น มีกำหนดจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในเดือนมิถุนายน 2562 ซึ่งจะเข้าช่วยสร้างรายได้ให้กับบริษัทในช่วงปีหน้า ซึ่งยังไม่นับรวมการขยายการลงทุนที่ในโรงไฟฟ้าพลังงานลมก่อนหน้านี้ นอกจากนั้นแล้ว SUPER ก็ยังมองหาโอกาสในการซื้อกิจการธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนด้านอื่นๆเพิ่มเติมด้วยในอนาคต “ นายจอมทรัพย์ กล่าว
อนึ่ง ที่ผ่านมาได้เข้าไปศึกษาความเหมาะสมด้านการลงทุน ประเทศฟิลิปปินส์ ,ไต้หวัน ,เกาหลีใต้ เป็นต้น ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม อีก 700 เมกะวัตต์ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจะทยอย COD ในช่วง 5 ปีข้างหน้า เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 3/2562 เป็นต้นไป
คณะกรรมการบริษัทยังอนุมัติให้บริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ เอนเนอร์ยี จำกัด (SSE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าทำสัญญาซื้อหุ้นในบริษัท พีที ไดร์ว (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท จากผู้ถือหุ้นเดิม (ผู้ขาย) จำนวน 2 ราย โดยมีมูลค่าการเข้าทำรายการทั้งหมดไม่เกิน 6.38 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ SSE เข้าถือหุ้นเพิ่มเป็น 100% จากเดิม 94.99% ขณะที่บริษัทดังกล่าวดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 1 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้ง 5.0 เมกะวัตต์ ซึ่งได้เริ่ม COD แล้ว
นอกจากนี้ให้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ในประเทศไทย ชื่อ บริษัท ซุปเปอร์ เอิรธ์ เอนเนอร์ยี 9 จำกัด ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานขยะ
นายจอมทรัพย์ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงาไตรมาส 3/ 2561 มีกำไรสุทธิลดลงเนื่องจากผลมาจากในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ย.ปีนี้ประเทศไทยมีปริมาณฝนมากทั่วประเทศ ซึ่งทำให้ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ผลิตและจำหน่ายได้ของบริษัทลดลงเมื่อเทียบกับรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่ยังเชื่อว่าไตรมาส 4/2561 ผลประกอบการจะดีขึ้น เพราะมีการเดินเครื่องจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) เพิ่มจากโรงไฟฟ้าขยะ จ.สระแก้ว ขนาดกำลังการผลิต 9 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าสหกรณ์การเกษตร เฟส 2 ขนาดกำลังการผลิต 28 เมกะวัตต์สะสมเพิ่มจากการ COD ได้ในช่วงปลายปีเข้ามาสนับสนุน จึงคาดว่าจะทำให้ผลประกอบการออกมาดีและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคตอีกด้วย
ไตรมาส 3/2561 บริษัทมีกำไรสุทธิ 113.37 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.0041 บาท ลดลง 64.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 323.21 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.0118 บาท ส่วน 9 เดือน ปี 2561 กำไรสุทธิ 867.73 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.0317 บาท ลดลง 25.95% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,171.78 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.0428 บาท