ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 512 จุด เฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยปีหน้า

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดพุ่ง ดัชนีดาวโจนส์ทะยาน 512 จุด +1.40% ,ดัชนี S&P500 +1.37%, Nasdaq +1.38% ทั้งสามดัชนีหลักแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 52 สัปดาห์ หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยหลายครั้งในปีหน้า ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ นักลงทุนชะลอซื้อขายก่อนรู้ผลประชุมเฟด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 13 ธันวาคม 2566 ที่ 37,090.24 จุด เพิ่มขึ้น 512.30 จุด หรือ 1.40% เป็นการปิดที่เหนือระดับ 37,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2022 หลังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ส่งสัญญานว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในปีหน้า ทำให้นักลงทุนที่หวังว่าเฟดจะเริ่มรับรู้ถึงแนวโน้มเงินเฟ้อที่ชะลอตัวและคลายจุดยืนนโยบายการเงินเชิงรุกพอใจ

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,707.09 จุด เพิ่มขึ้น 63.39 จุด, +1.37% ทะลุระดับ 4,700 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2022
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,733.96 จุด เพิ่มขึ้น 200.57 จุด, +1.38%

ทั้งสามดัชนีหลักแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 52 สัปดาห์

ในการประชุมเมื่อวานนี้ เฟด มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ แต่ที่สำคัญคือ ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ได้ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2024 ซึ่งมากกว่าที่บ่งชี้ไว้ก่อนหน้านี้ หรือลดดอกเบี้ยโดยรวม 0.75% นักลงทุนต่างหวังมากขึ้นว่าเฟดจะให้สัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นว่าจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าหลังข้อมูลล่าสุดเงินเฟ้อชะลอตัวลง

แถลงการณ์การประชุมของเฟดรับรู้ว่าอัตราเงินเฟ้อได้ลดลงในปีที่ผ่านมา และเฟดได้ปรับลดการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้ออย่างเป็นทางการลงในปี 2023 มาที่ 3.2% จาก 3.7% สำหรับปี 2024 ปรับลดมาที่ 2.4% จาก 2.6%

จีนา โบลวิน ประธาน Bolvin Wealth Management Group กล่าวว่า เฟดมอบของขวัญวันหยุดล่วงหน้าแก่ตลาดในวันนี้ ซึ่งในที่สุดก็เป็นครั้งแรกที่แสดงความเห็นเชิงบวกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ และดูเหมือนว่าเฟดกำลังเคลื่อนตัวไปในทิศทางของตลาด มากกว่าที่ตลาดจะเคลื่อนตามเฟด การวิ่งขึ้นช่วงเทศกาลหรือ Santa Claus rally อาจต่อเนื่อง

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ลดลงเหลือ 4.03% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม หลังการเปิดเผยการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของเฟด

หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ซึ่งอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยพุ่งขึ้นกว่า 3%

หุ้นแบงก์ออฟอเมริกาบวก4% และหุ้นเวลลส์ ฟาร์โกเพิ่มขึ้นราว 3%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ คือ ดัชนีราคาผู้ผลิตทั่วไป (Headline PPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน เดือนพฤศจิกายนที่เพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่า 1.0% ที่นักวิเคราะห์คาด ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 2.0% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่า 2.2% ที่นักวิเคราะห์คาด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนรู้ผลการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยและแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

นักลงทุนได้รับรู้การคาดการณ์การคงอัตราดอกเบี้ยของเฟดไปแเล้ว ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่เปิดเผยเมื่อวันอังคารแทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า

ความสนใจของนักลงทุนอยู่ที่การให้ความเห็นของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด และการคาดการ์ดอกเบี้ยระยะสั้นเพื่อหาสัญญานว่าเมื่อไรจะผ่อนคลายนโยบายการเงิน

นอกจากนี้นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหภาพยุโรปและธนาคารกลางอังกฤษในวันพฤหัสบดี ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย

หุ้น BASF และหุ้น Arkema เพิ่มขึ้น 4.4% และ 5.5% ตามลำดับ หลังจาก UBS ปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุน ส่งผลให้กลุ่มเคมีภัณฑ์อยู่ในอันดับต้น ๆ ของกลุ่มที่ปรับตัวขึ้น โดยบวก1.1%

กลุ่มเฮลธ์แคร์เพิ่มขึ้น 0.9% โดยหุ้น Novo Nordisk ดีดตัวกลับมา 1.6%

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 472.46 จุด ลดลง 0.26 จุด, -0.06%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,548.44 จุด เพิ่มขึ้น 5.67 จุด, +0.08%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,531.22 จุด ลดลง 12.33 จุด, -0.16%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,766.05 จุด ลดลง 25.69 จุด, -0.15%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 69.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 1.02 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 74.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล