ดาวโจนส์ปิดลบ 178 จุด วิตกเงินเฟ้อ

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีหลักปิดลบ ดาวโจนส์ลดลง 178 จุด หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง นักลงทุนกังวลเงินเฟ้อที่ฟื้นตัว อาจทำให้การผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ช้าลง ดันบอนด์ยีลด์พุ่งสูงขึ้น ผสมแรงฉุดจากการเทขายหุ้นเทคโนโลยีใหญ่ ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ” ปรับเพิ่มขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 7มกราคม 2568 ปิดที่ 42,528.36 จุด ลดลง 178.20 จุด หรือ -0.42% หลังการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทำให้กังวลว่าอัตราเงินเฟ้อที่ฟื้นตัวอาจส่งผลให้การผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ช้าลง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรจึงพุ่งสูงขึ้น บวกกับแรงฉุดจากการเทขายหุ้นเทคโนโลยีใหญ่

.ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 5,909.03 จุด ลดลง 66.35 จุด, -1.11%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,489.68 จุด ลดลง 375.30 จุด, -1.89%

ตลาดอ่อนตัวลงหลังจากรายงานการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) ของกระทรวงแรงงานเผยให้เห็นว่า การเปิดรับสมัครงานเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนพฤศจิกายน โดยการเปิดรับสมัครงาน เพิ่มขึ้น 259,000 ตำแหน่ง มาที่ 8.098 ล้านตำแหน่ง จาก 7.839 ล้านตำแหน่งในเดือนตุลาคม และสูงกว่า 7.70 ล้านตำแหน่งที่นักวิเคราะห์คาด

นอกจากนี้ข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารโดยสถาบันการจัดการอุปทาน(Institute for Supply Management ) สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตที่รวดเร็วเกินคาดในภาคบริการของสหรัฐฯ ในเดือนธันวาคม ซึ่งเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่หนืดยิ่งขึ้น โดยดัชนีภาคบริการของสหรัฐเพิ่มขึ้นมาที่ 54.1 จาก 52.1 ในเดือนพฤศจิกายน และสูงกว่า 53.3 ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์

หลังการรายงานข้อมูล อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นมาที่ 4.699% ระดับสูงสุดระหว่างวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน และรับขึ้นต่อเนื่องจากการมองว่าแผนภาษีของฝ่ายบริหารของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อาจทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นได้

ไมค์ ดิกสัน หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Horizon Investments กล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจทั้งสองชุดอาจมีผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อ จึงส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้น และกดดันตลาดหุ้น

ทอม ไฮน์ลิน นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโสของ U.S. Bank Asset Management Group กล่าวว่า นักลงทุนประเมินใหม่ทั้งอัตราเงินเฟ้อและคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของเฟด จึงทำให้มีการขายออกในตลาดหุ้น

การร่วงลงของตลาดส่วนหนึ่งมาจากการการเทขายทำกำไรของนักลงทุนบางส่วนในหุ้นเทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์ขนาดใหญ่ หลังจาก S&P 500 และ Nasdaq เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สัญญาณความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในระบบเศรษฐกิจได้เลื่อนคาดการณ์ช่วงเวลาที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ออกไป ขณะนี้เทรดเดอร์มองว่าการปรับลดครั้งต่อไปมีแนวโน้มมากขึ้นในเดือนมิถุนายน และเฟดจะคงดอกเบี้ยไว้ในช่วงที่เหลือของปี 2025 ตามเครื่องมือ FedWatch ของกลุ่ม CME

บิล อดัมส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Comerica Bank ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีจากฝ่ายบริหารของทรัมป์ต่อราคาผู้บริโภคเช่นกัน ทั้งการเติบโตที่แข็งแกร่งและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อระลอกใหม่จากภาษี หมายความว่าเฟดมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนจากการลดอัตราดอกเบี้ยในทุกการตัดสินใจไปเป็นการหยุดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2025

หุ้น Nvidiaร่วงลง 6.2% หลังจากทำสถิติใหม่ เมื่อวันจันทร์ บริษัทได้เปิดตัวชิปปัญญา ประดิษฐ์ (AI) รุ่นใหม่ในงานประชุม CES 2025 สำหรับเดสก์ท็อปและแล็ปท็อปพีซี หุ้น Tesla ลดลง 4% หลังจากที่ Bank of America ปรับลดคำแนะนำการลงทุน จาก buy เป็น neutralเนื่องจากมีมูลค่าสูงและมีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์ หุ้น . Meta Platforms ลดลงเกือบ 2% ขณะที่หุ้น Apple และ Microsoft ต่างลดลงกว่า 1%

นักลงทุนจับตารายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้

ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคมนี้ เพื่อไว้อาลัยต่อการถึงแก่อสัญกรรมของอดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์

ตลาดยุโรปปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของกลุ่มพลังงาน ขณะที่นักลงทุนวิเคราะห์ข้อมูลทางเศรษฐกิจบางส่วนที่สะท้อนภาพรวมของภาวะเศรษฐกิจที่ผสมปนเปกันของภูมิภาคพร้อมกับคาดการณ์ถึงผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย

ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อยูโรโซนในเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น ซึ่งแม้สอดคล้องกับคาดการณ์ไว้ แต่ก็ทำให้นักลงทุนหันมาสนใจกับเศรษฐกิจมากขึ้น

นักลงทุนยังคงมองว่าธนาคารกลางยุโรปมีแนวโน้มที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมกราคม ในตลาด กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยลดลง 0.6% กลุ่มก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างลดลง 0.4%
กลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้น 0.8% โดยหุ้น Frontline กลุ่มเรือบรรทุกน้ำมันของนอร์เวย์ เพิ่มขึ้น 7.4%

เงินเฟ้อฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนธันวาคม ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของสวิสลดลงอีกครั้ง ซึ่งทำให้เกิดความคาดหวังว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มอีกจากธนาคารกลางสวิส
ธนาคารกลางยุโรปจะมีการประชุมนโยบายในวันที่ 30 มกราคม ขณะที่นักลงทุนรอการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อประจำสัปดาห์

เยอรมนี ซึ่งเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของยุโรป รายงานว่าอัตราเงินเฟ้อรายปีเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนธันวาคม ขณะที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจของสเปนยืนยันว่าการเติบโตของ GDP ยังคงทรงตัวในไตรมาสที่สี่

กล่มค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% จากการเพิ่มขึ้น 3.7% ของหุ้น Next ในอังกฤษ หลังจากที่บริษัทปรับเพิ่มแนวโน้มกำไรประจำปีเป็นครั้งที่สี่ในรอบหกเดือน

ดอยช์แบงก์ได้ยกระดับแนวโน้มการรลงทุนหุ้นยุโรปเป็น overweight โดยชี้ว่าบรรยากาศทางการเมืองที่ดีขึ้น สภาพเศรษฐกิจมหภาคที่เอื้ออำนวย และแนวโน้มการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากจีนในปีนี้

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 514.67 จุด เพิ่มขึ้น 1.65 จุด, +0.32%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,245.28 จุด ลดลง 4.38 จุด, -0.05%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,489.35 จุด เพิ่มขึ้น 43.66 จุด, +0.59%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 20,340.57 จุด เพิ่มขึ้น 124.38 จุด, +0.62%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ 0.94% ปิดที่ 74.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 75 เซนต์ หรือ 0.98% ปิดที่ 77.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
———————————————————————————————————————————————————–