KAsset แนะรอจังหวะขาย LTF ซื้อกองภาษีต่อ มองหุ้นไทยปี 68 เป้า 1,500-1,550 จุด

HoonSmart.com>> บลจ.กสิกรไทย (KAsset) คาดแรงขาย LTF จำกัด upside หุ้นไทยช่วงต้นปี ชี้สถิติช่วง 3-5 ปีก่อน แรงขายหนักเดือนม.ค. ประมาณ 1.5-3.8 หมื่นล้านบาทต่อปี แนะรอขายหลังดัชนี SET ยืนเหนือ 1,400 จุด ขึ้นไป เป็นระดับใกล้เคียงค่าเฉลี่ย 10 ปีมากขึ้น หรือรอขายช่วงตลาดโลกมีความผันผวนลดลง ติดตามนโยบาย “ทรัมป์” พร้อมชี้ช่องนำเงินลงทุนกอง ThaiESG-RMF ลดภาษีต่อ ส่วนหุ้นไทยปี 68 มองเป้า 1,500-1,550 จุด น่าสนใจน้อยกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด (KAsset) ประเมินแรงขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ช่วงต้นปี 2568 ว่า หากพิจารณาช่วง 3 – 5 ปี ที่ผ่านมา (ช่วง 2563 – 2567) ยอดขายกองทุน LTF จะเกิดขึ้นในเดือนม.ค.สูงที่สุด (1.5 – 3.8 หมื่นล้านบาท ต่อปี) โดยเฉพาะในช่วงปี 2565 – 2566 ที่ดัชนี SET ปิดสิ้นปีก่อนหน้ามากกว่า 1,650 จุด

ทั้งนี้ หากประเมิน ณ ระดับดัชนี SET ที่ประมาณ 1,400 จุด (ซึ่งเป็นดัชนี SET ปิด ณ สิ้นปี 2567 ที่ผ่านมา) พบว่าในช่วงเดือน ม.ค. 2567 ที่ระดับดัชนี SET ใกล้เคียงกันที่ประมาณ 1,416 จุด ณ สิ้นปี 2566 นั้น พบว่ามีเม็ดเงิน LTF ไหลออกประมาณ 5.1 พันล้านบาทในเดือนดังกล่าว ประกอบกับการไหลออกของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติในเดือนเดียวกันนั้นที่ 3.1 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ดัชนี SET ในเดือนม.ค. 2567 ปรับลง -3.6% จาก ณ สิ้นปี 2566

“KAsset มองว่า การไถ่ถอนของ LTF จะเป็นปัจจัยจำกัด upside ของตลาดหุ้นไทยโดยเฉพาะต้นปีนี้ นอกเหนือจากปัจจัยต่างประเทศ จากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ’ ของว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.นี้ และคาดว่าจะประกาศนโยบายหลักๆในช่วง 100 วันแรก น่าจะสร้างความผันผวนต่อค่าเงินและ Fund Flow ต่างชาติ ที่ลงทุนในตลาดเกิดใหม่โดยรวม”

ทั้งนี้ เม็ดเงินวายุภักดิ์และกองทุนหุ้นไทยประหยัดภาษีอื่นๆ ซึ่งยังมีเม็ดเงินรวมที่ลงทุนได้เพิ่มเติมในตลาดหุ้นไทย คาดว่าช่วยลดผลกระทบได้ระดับหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากเม็ดเงินรวมยังน้อยกว่า LTF สะสม

สำหรับมุมองตลาดหุ้นไทยในปี 2568 บลจ.กสิกรไทย มองเป้า SET Index ที่ระดับ 1,500-1,550 จุด โดยคาดการณ์การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในปี 2568 ที่ประมาณ 10.5% ซึ่งน่าสนใจน้อยกว่าตลาดอื่นๆโดยเปรียบเทียบ เช่น สหรัฐฯ

นอกจากนี้บลจ.กสิกรไทยแนะนำสำหรับผู้ที่จะขาย LTF มีทางเลือกสำหรับผู้ที่ยังต้องเสียภาษีอยู่ แนะนำเงินไปลงทุนต่อในกองทุนภาษี (ThaiESG, RMF) เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบลจ.กสิกรไทยแนะนำกองทุน ThaiESG เน้นลงทุนหุ้นไทย ผ่าน 3 กองทุน 3 นโยบายการลงทุน ได้แก่ K-ESGI-ThaiESG, K-BL30-ThaiESG, K-TNZ-ThaiESGและกองทุุน RMF เน้นลงทุนต่อเนื่องระยะยาว แนะนำกองทุน K-WPBAL-RMF, K-WPSPEED-RMF, K-WPULTI-RMF, K-USA-RMF

ส่วนผู้ที่ไม่ต้องเสียภาษีแล้ว แนะนำหุ้นมากกว่าตราสารหนี้ มองว่าหุ้นสหรัฐฯจะยังให้ผลตอบแทนที่ดีได้ต่อเนื่อง โดยเน้นการกระจายความเสี่ยงให้มากขึ้น แนะนำ K-WealthPLUS Series กองทุนผสม เลือกลงทุนได้ตามระดับ และ K-GSELECT กองทุนหลักลงทุนในหุ้นทั่วโลก มีสหรัฐฯ เป็นสัดส่วนหลัก (ข้อมูล ณ พ.ย.ประมาณ 72%)

สำหรับคำแนะนำช่วงเวลาขาย LTF หากพิจารณาจากมุมมองด้านปัจจัยพื้นฐาน มองที่ระดับดัชนี SET ที่มากกว่า 1,400 จุดขึ้นไป ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 10 ปีมากขึ้น หรือรอจังหวะที่ตลาดโลกมีความผันผวนลดลง จากความคืบหน้าการเจรจาระหว่างประเทศเกี่ยวกับมาตรการภาษี หรือการกีดกันการค้าของสหรัฐฯ มีทิศทางดีขึ้น