หุ้นใหญ่มีดีให้เลือกซื้อกลับ บางตัวยังเจอชอร์ตเซล

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นเดือนธ.ค. นักวิเคราะห์มองบวก หุ้นขนาดใหญ่หลายตัวเด้งกลับหลังลงลึก รับเศรษฐกิจจีนเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่หุ้นบางตัวมีแรงขายล่วงหน้ายังไม่สะเด็ดน้ำ AOT-DELTA จากปัจจัยลบเฉพาะตัว  ‘ธุรกิจบัตรเครดิต-ไฟฟ้า’ เจอนโยบายรัฐบาลไม่ชัดเจน บล.เอเซียพลัสคาดสิ้นปีนี้ยังมีหวัง 1,500 จุด

หุ้นไทยเริ่มต้นวันแรกของเดือนธ.ค. บวกเล็กน้อย 0.13 จุด ดัชนีปิดที่ 1,380.31 จุด โดดเด่นกว่าตลาดในภูมิภาคส่วนใหญ่ที่ปรับตัวลง โดยฮ่องกงร่วงลง-1.25% เกาหลีใต้ -1.19% เนื่องจากหุ้นหลายตัวเด้งขึ้น  เช่น CPALL ,KBANK,OR,ADVANC  หลังจากราคาลงลึกและผลสำรวจของไฉซินและเอสแอนด์พีโกลบอลระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)ภาคการผลิตของจีนพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 3 เดือน สามารถขึ้นมายืนเหนือระดับ 50 ได้ ในเดือนพ.ย.ทำให้มีแรงเก็งกำไรหุ้นที่เกี่ยวข้องกับจีน อย่างหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี, อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

ขณะเดียวกันหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปสูง ๆ  เช่น AOT ยังคงลดลง -1.68% ปิดที่ 58.50 บาท DELTA -0.32% ปิดที่ 77.50 จุด PTTEP -1.98% ปิดที่ 148.50 บาท มาจากปัจจัยลบเฉพาะตัว  อาทิ AOT ยังคงกังวลแนวโน้มกำไรจะลดลงตามจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ส่วน DELTA มีความเสี่ยงที่จะถูกถอดออกจากการคำนวณดัชนี SET 50 นักวิเคราะห์เสียงแตกว่ามีโอกาสสูงที่จะหลุดหรือยังคงอยู่ต่อไป ทำให้นักลงทุนมีการขายชอร์ต รอจังหวะเข้าไปซื้อรอบใหม่   เช่น DELTA เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. มีมูลค่าการซื้อขายประมาณ 792.63 ล้านบาท มีการขายชอร์ต DELTA-R มูลค่า 90.18 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 11.41%ของการซื้อขายปกติ  และ AOT มูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวันระดับ 3,236 ล้านบาท มีการขายชอร์ต จำนวน 178.62 ล้านบาท สัดส่วน 5.52% เทียบกับก่อนหน้ามีสัดส่วนประมาณ 3%

นอกจากนี้หุ้นบางกลุ่ม ได้รับผลกระทบต่อนโยบายของรัฐบาลที่ยังไม่ชัดเจน ส่งผลทางจิตวิทยาต่อการลงทุน เช่น ธุรกิจบัตรเครดิต นำโดย KTC ลดลง 1.07% ปิดที่ 46.25 บาท เพราะทางการเล็งลดดอกเบี้ยเงินกู้ยืมลงต่ำกว่า 15% จากปัจจุบันเก็บในอัตรา 16%ต่อปี เพื่อแก้หนี้ทั้งระบบ

สำหรับกลุ่มไฟฟ้า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติเห็นชอบให้ปรับค่าเอฟที งวดเดือน ม.ค. – เม.ย. 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 69.07 สตางค์/หน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวมพุ่งจาก 3.99 บาท/หน่วย ไปอยู่ที่ 4.68 บาท/หน่วย สวนทางกับนโยบายของรัฐบาลต้องการช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชน ส่งสัญญาณดูแลให้ไม่ให้เกิน 4.20 บาท/หน่วย กดดันราคาหุ้นไฟฟ้าให้ขึ้นลงตามกระแสข่าวในแต่ละช่วงเวลา

ส่วนหุ้นที่มีการใช้โปรแกรมเทรด จนทำให้ราคาและปริมาณการซื้อขายผิดปกติ อยู่ในหุ้นขนาดเล็ก 3 บริษัท นำโดย TKC,JTS และ TAN

ด้านบล.เอเซีย พลัส แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในเดือนธ.ค.ให้ “ซื้อ & ถือ”คาดสิ้นปีนี้จะเห็นดัชนีหุ้น 1,500 จุด ประเมินภาพรวมจะฟื้นตัวดีขึ้น ผลจากดอกเบี้ย เงินเฟ้อ ค่าเงิน อยู่ในช่วงปรับตัวลดลง และหมดรอบทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น แต่การลงทุนจะต้องเลือกหุ้นพื้นฐานดี กระจายในหลากหลายกลุ่มอย่าง TISCO, WHA, ADVANC, GULF, CPALL, PLANB, BH, PTTGC  ส่วนแนวโน้มในปี 2567 คาดดัชนีไว้ที่ 1,717 จุด

ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศเมื่อวันศุกร์ที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะสหรัฐสดใสมาก ดัชนีดาวโจนส์ยังคงพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่อีกครั้ง รวมในปีนี้ปรับขึ้นแล้วเกือบ 9.4% ส่วนดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022