HoonSmart.com>>ปี 2567 ถือเป็นปีที่นักลงทุนรายย่อย “เจ็บหนัก” จากหุ้นที่ผู้บริหารบจ.หลายแห่งนำหุ้นไปค้ำประกันมาร์จิ้น (Margin) และถูกบังคับขายหุ้น (Force Sell) กดดันบรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทย ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯเร่งศึกษาหลักเกณฑ์การให้ผู้บริหารจดทะเบียน ที่นำหุ้นไปค้ำประกันบัญชีมาร์จิ้น ต้องมีการเปิดเผยข้อมูล หลังจากในช่วงที่ผ่านมาผู้บริหารบจ.หลายแห่งถูกบังคับขาย (Force Sell) เป็นจำนวนมาก
“ตลาดหลักทรัพย์ฯจะให้เปิดข้อมูลว่าผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนนำหุ้นไปวางค้ำประกัน จำนวนเท่าไร ที่จะต้องแจ้งให้นักลงทุนได้ทราบ อย่างก่อนหน้ามีผู้บริหารมีหุ้นที่วางค้ำประกันบัญชีมาร์จิ้นเกิน 50% พอโดนบังคับขาย สัดส่วนการถือหุ้น หรือความเป็นเจ้าของจะหายไปเลย ถือเป็นความเสี่ยง ต้องไปดูในทางกฎหมายทำอะไรได้บ้าง”ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกล่าว
จากการสำรวจของ “หุ้นสมาร์ท” พบว่าหุ้นบริษัทจดทะเบียนราว 8 แห่งประกอบด้วย กลุ่ม EA ยักษ์ใหญ่พลังงานสีเขียวของเมืองไทย ไล่ตั้งแต่ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ (EA) บริษัท เน็กซ์ พอยท์ (NEX) และบล.บียอนด์ (BYD) ราคาร่วงแรงกว่า 80.70-91.05% เทียบราคาปิดสิ้นปี 2566 ซึ่งจนขณะนี้ยังไม่หายเมาหมัด กดดันแผนเพิ่มทุน NEX
ว่ากันตามปัจจัยพื้นฐานหุ้นกลุ่ม EA ที่ราคาร่วงแรง ตัวแปรหลักมาจากรายได้และกำไรที่ลดลง ทั้งจากยอดส่งมอบรถไฟฟ้า และรายได้จากการขายไฟที่ลดลง โดยในปี 2566 EA มีกำไรสุทธิ 7,606.17 ล้านบาท ขณะที่ในงวด 9 เดือนปี 2567 มีกำไรสุทธิเพียง 1,852.07 ล้านบาท
ส่วน BYD ปี 2566 ขาดทุนสุทธิ 491.52 ล้านบาท งวด 9 เดือนปี 2567 พลิกมีกำไร 118.31 ล้านบาทและ NEX ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 725.26 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม งวด 9 เดือนปี 2567 พลิกขาดทุนสุทธิ 387 ล้านบาท
ตามมาด้วยหุ้นในกลุ่ม SABUY ที่ในอดีตราคาทะยานลิ่ว นักลงทุนแห่เก็งกำไร จนลากเอานักลงทุน “ติดดอย” ออกอาการไม่สบายตามกัน
ไล่ตั้งแต่ บริษัท สบาย เทคโนโลยี (SABUY) ราคาปรับตัวลดลง 89.50% บริษัท แอสเฟียร์ อินโนเวชั่นส์ (AS) ราคาปรับตัวลดลง 48.68% และ SBNEXT ที่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บริษัท ทีเอสอาร์ ลิฟวิ่ง โซลูชั่น (TSR) ราคาปรับตัวลดลง 69.84% เทียบราคาปิดสิ้นปี 2566
มาดูกันที่ผลการดำเนินงานของ SABUY ในงวด 9 เดือนปี 2567 ขาดทุนสุทธิกว่า 5,740.52 ล้านบาท เทียบสิ้นปี 2566 ขาดทุนสุทธิ 189.83 ล้านบาท เห็นได้ชัดเจนว่า “ฝีเริ่มแตก” ตั้งแต่ปี 2566
AS งวด 9 เดือนปี 2567 มีกำไรสุทธิ 163.35 ล้านบาท เทียบสิ้นปี 2566 กำไรสุทธิ 218.33 ล้านบาท ผลการดำเนินงานยังไปได้ดี แต่โดนหางเลขฟอร์ซเซล
TSR หรือ SBNEXT ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2567 ขาดทุนสุทธิ 653.95 ล้านบาท จากปี 2566 ขาดทุนสุทธิ 86.49 ล้านบาท
ส่วน บริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป (YGG) ราคาหุ้นลดลง 91.88% เทียบสิ้นปี 2566 ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2567 พลิกขาดทุนสุทธิกว่า 384.32 ล้านบาท จากกำไรสุทธิ 69.47 ล้านบาท ในสิ้นปี 2566
และที่สดๆร้อนๆ ส่งท้ายปี 2567 คือ บริษัทซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ (SCM) หุ้น 4 ฟลอร์ ราคาปรับตัวลดลง 74.85% เทียบราคาปิดสิ้นปี 2566 โดยผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนปี 2567 มีกำไรสุทธิเพียง 36.88 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2566 มีกำไรสุทธิ 86.16 ล้านบาท
ผู้บริหารของ SCM ยอมรับว่าส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และได้รับผลกระทบจากกระแสข่าวเชิงลบที่เกิดขึ้นกับ “ดิไอคอนกรุ๊ป” โดยบริษัทอยู่ระหว่างการปรับโมเดลธุรกิจ จาก “ขายตรง” สู่การขาย “ออนไลน์” มากขึ้น พร้อมกับเตรียมบุกตลาดต่างประเทศ เพื่อเพิ่มยอดขาย
ถือเป็นบทเรียนราคาแพง สำหรับบรรดาผู้บริหารที่นำหุ้นไปค้ำมาร์จิ้น และนักลงทุนรายย่อยเองที่หลงระเริงกับการ “ปั่นราคา” จนหลงลืมปัจจัยพื้นฐาน สุดท้ายราคาหุ้นก็ดำดิ่ง ลงมาหาปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งยังไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน จะปีนข้ามผ่าน “ดอย” อันสูงลิ่ว